Search
Search

ฟิลเลอร์ Neuramis 5,990.-/cc แอดไลน์เลย!

ประกาศความเป็นส่วนตัวข้อมูลสำหรับการใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด

(Privacy Notice – CCTV)

บริษัท เมกะคลินิค จำกัด

บริษัท เมกะคลินิค จำกัด (“บริษัท”) ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคลตาม พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 จึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านการใช้ อุปกรณ์กล้องวงจรปิด (CCTV) ในพื้นที่ของบริษัท รายละเอียดดังต่อไปนี้ ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ครอบคลุมถึงบุคคลธรรมดาที่เข้ามาในบริเวณพื้นที่ของบริษัท ซึ่งหมายความรวมถึง ผู้ติดต่อ บุคลากร ลูกค้า คู่ค้า ของบริษัท โดยเรียกรวมกันว่า “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” “ลูกค้า” หรือ “ท่าน”

ข้อ 1. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอาศัยฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย ฐานเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้อง ฐานป้องกันอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพ ฐานบรรลุวัตถุ ประสงค์ทางกฎหมาย เพื่อการจัดการด้านเวชศาสตร์ การคุ้มครองสังคมและแรงงาน และฐานอื่น ๆ ที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอนุญาตเท่านั้น เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
  • เพื่อปกป้องชีวิต ร่างกาย สุขภาพ หรือทรัพย์สินส่วนตัวของบุคคล
  • เพื่อควบคุมการเข้ามาภายในพื้นที่ของบริษัท และเพื่อการรักษาความปลอดภัยของอาคาร บุคลากร พนักงาน และผู้มาติดต่อ รวมทั้งทรัพย์สินและข้อมูลของบริษัท
  • เพื่อการปกป้อง/ป้องกันสถานที่ อาคาร พื้นที่ต่างๆ และทรัพย์สินของบริษัท จากความเสียหาย และอาชญากรรมอื่น ๆ
  • เพื่อช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาททางแพ่ง ทางอาญา และทางกฎหมายอื่น ๆ
  • เพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น การสืบสวนสอบสวนของหน่วยงานรัฐ การให้ความ ร่วมมือกับศาล หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย
บริษัทจะติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ที่จุดสำคัญภายในสถานที่ อาคารและพื้นที่ต่าง ๆ ของบริษัท แต่จะไม่ติดตั้ง ในบางพื้นที่ เช่น ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องน้ำ ห้องตรวจ ห้องทำหัตถการ เป็นต้น และบริษัท จะมีป้ายแจ้งเตือนในสถานที่ที่มีการใช้งานเกี่ยวกับกล้องวงจรปิด (CCTV)
ในกรณีที่บริษัทต้องขอข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านเพื่อเข้าทำหรือปฏิบัติตามสัญญา หรือปฏิบัติตามกฎหมายหากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทอาจจะไม่สามารถดำเนินการตามที่ท่านประสงค์ได้

ข้อ 2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม

บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงจากท่านผ่านระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) โดยมีข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
  • ภาพเคลื่อนไหว ภาพนิ่ง เสียง เกี่ยวกับบุคคลธรรมดา
  • ภาพเคลื่อนไหว ภาพนิ่ง เสียง เกี่ยวกับทรัพย์สิน ยานพาหนะ ของบุคคลธรรมดา

ข้อ 3. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

หน่วยงานรัฐ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ศาล หรือหน่วยงาน อื่นใด ที่อาศัยอำนาจตามกฎหมาย
ผู้ให้บริการภายนอกเช่น ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้ให้บริการรักษา ความปลอดภัย ผู้ประเมินผลเพื่อการบริหารจัดการองค์กร ผู้ตรวจสอบภายนอก ที่ปรึกษาด้านต่าง ๆ เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย เป็นต้น
บุคคลภายนอกอื่น ๆ เช่น บริษัทในเครือกิจการ ลูกค้า คู่ค้า บุคคลผู้เสียหาย เป็นต้น

ข้อ 4. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

กรณีที่มีเหตุต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ บริษัทจะปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ

ข้อ 5. การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องตามประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ทั้งนี้ บริษัทอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นหากมีกฎหมาย กำหนดหรืออนุญาตไว้ เช่น เก็บไว้ไม่เกิน 10 ปีตามอายุความกฎหมาย เป็นต้น

ข้อ 6. บริษัทคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measures) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measures) เพื่อรักษาความปลอดภัยในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

ข้อ 7. สิทธิของเจ้าของข้อมูล

  1. สิทธิเพิกถอนความยินยอม ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านอาจส่งผลกระทบต่อการพิจารณางาน สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ท่านพึงได้รับจากบริษัท หรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์แก่ท่าน เป็นต้น เพื่อประโยชน์ของท่านจึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม
  2. สิทธิเข้าถึง รับสำเนา และรับทราบการได้มา ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้กับท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในความครอบครองของบริษัท
  3. สิทธิโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือ ใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าว ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าว ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง
  4. สิทธิในการคัดค้าน ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีเพื่อการที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย หรือภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ
  5. สิทธิในการขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้
  6. สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้ สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบ หรือ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน
  7. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
  8. สิทธิร้องเรียน ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
ในกรณีที่ท่านยื่นคำร้องขอใช้สิทธิภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อบริษัทได้รับคำร้องขอ ดังกล่าวแล้ว จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด อนึ่ง บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการ ตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาลเพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิของท่านอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น โดยบริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบด้วย

ข้อ 8. การเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัว

หากมีการเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบผ่านช่องทางที่เหมาะสม

ข้อ 9. ช่องทางการติดต่อ

บริษัท เมกะคลินิค จำกัด
ที่อยู่: 100/27 ชั้น 17 สาธรนครทาวเวอร์ ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
ช่องทางการติดต่อ โทร: 02-675-4455
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล: เลขานุการบริษัทฯ
ช่องทางการติดต่อ: dpo@megaclinicthailand.com

ข้อ 10. กฎหมายที่ใช้บังคับ

ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้อยู่ภายใต้การบังคับใช้ตามกฎหมายไทยและศาลไทยเป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาข้อพิพาทใดที่อาจเกิดขึ้น
ประกาศใช้ ณ วันที่ 1 มกราคม 2568