Search
Search
ฟิลเลอร์ Neuramis 5,990.-/cc แอดไลน์เลย!
Chanel ฟื้นฟูผิวระดับเซลล์ หน้าใสฉ่ำวาว ขั้นสุด

‘ฉีดชาแนล’ ผิวใส Glass Skin เปรียบเทียบ ชาแนล-รีจูรัน ฉีดตัวไหนดีกว่ากัน?

และแล้วเราก็มาถึงจุดที่การเข้าคลินิกฉีดหน้ากลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตของใครหลายคน ทั้งในเรื่องของการปรับแก้ปัญหารูปหน้า ฉีดเติมเพิ่มความมั่นใจ ไปจนถึงการดูแลสภาพผิวอย่างการฉีดหรือดริปวิตามิน ซึ่งในยุคที่สาว ๆ ส่วนใหญ่หันมาใส่ใจการบำรุงผิวหน้า ก็ทำให้เกิดเทรนด์ผิวกระจก Glass Skin สร้างผิวเรียบเนียนกระจ่างใส ดูโกลว์ ฉ่ำวาว สุขภาพดี ด้วยการทำหัตถการประเภท Skin Booster และตัวที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากก็คือการฉีดชาแนล (Chanel) และการฉีดรีจูรัน (Rejuran) นั่นเอง
สำหรับบทความนี้หมอจะขอเล่าเรื่อง การฉีดชาแนล เป็นหลักก่อน เพราะถือว่าเป็น Skin Booster ที่มาแรงไม่แพ้ใคร แล้วเจ้าตัวยาขวดจิ๋วสีชมพูนี้จะช่วยสร้าง Glass Skin ให้เราได้หรือไม่ แนะนำให้ติดตามอ่านกันตั้งแต่ต้นจนจบเลยนะคะ

เลือกอ่านตามหัวข้อ

ฉีดชาแนล คืออะไร?

ฉีดชาแนลคืออะไร ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

เคยได้ยินมาทั้ง ชาแนล และ L’ebss ใช่ตัวเดียวกันไหม?

ก่อนอื่นจะขอตอบคำถามก่อนว่า ชื่อตัวยาจริง ๆ ของการฉีดชาแนล ก็คือ L’ebss (อ่านว่า เลอเบส) ซึ่งเป็น Skin Booster ที่กำลังมาแรงเป็นอันดับ 1 ในประเทศเกาหลี เพราะตัวนี้มาพร้อมสารสกัดจากวิตามินและสารบำรุงผิวสำคัญที่มีประโยชน์เกือบ 20 ชนิด ช่วยเรื่องการฟื้นฟูซ่อมแซมเซลล์ผิว ทำให้ผิวหน้าสะอาดสุขภาพดี มีความชุ่มชื้นและดูเปล่งประกาย

ฉีดชาแนล ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสได้อย่างไร?

อุดมไปด้วยสารอาหารผิวตัวสำคัญ

  • Hyaluronic Acid (HA Skin Booster) กรดไฮยาลูรอนิกที่เข้มข้นกว่าตัวยาและครีมบำรุงทั่วไป มีคุณสมบัติที่ทำให้เซลล์ ผิวอุ้มน้ำไว้ได้นานมากขึ้น และสามารถกระจายตัวสู่ชั้นผิวได้อย่างครอบคลุม
  • สารสกัด Pink Yeast น้ำยีสต์สีชมพูพรีเมี่ยมที่สามารถเข้าทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึกสู่ระดับเซลล์
  • อาหารผิวเปปไทด์รวม 14 ชนิด อาหารผิวประเภทโปรตีนและกรดอะมิโนที่ช่วยฟื้นฟูและบำรุงโครงสร้างผิว

การทำงานของตัวยาชาแนล

เมื่อแพทย์ทำการฉีดชาแนลเข้าสู่ผิวหนัง สารอาหารผิวตัวสำคัญทั้งหมดจะเริ่มทำหน้าที่ของตัวเองในการเข้าฟื้นฟู ซ่อมแซม และบำรุงเซลล์ผิว
การทำงานของตัวยาชาแนล

หลังฉีดจะเริ่มเห็นผลตอนไหน? ต้องฉีดต่อเนื่องไหม?

สารอาหารผิวตัวสำคัญไม่ว่าจะเป็น Hyaluronic Acid, Pink Yeast หรืออาหารผิวเปปไทด์ จะทำงานเต็มที่ในช่วง 7 ถึง 14 วัน หลังฉีด โดยถ้าใครเป็นคนที่ผิวหน้าค่อนข้างสุขภาพดีอยู่แล้ว ก็จะเริ่มรู้สึกถึงผลลัพธ์สภาพผิวที่ดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีดเลยค่ะ

ฉีดชาแนลช่วยอะไร การเปลี่ยนแปลงของสภาพผิวที่จะเกิดขึ้น

  • ลดรอยจุดด่างดำจากปัญหาสิวอักเสบ รวมทั้งปัญหาฝ้า กระ
  • ลดความมันส่วนเกิน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดสิวได้
  • กระชับรูขุมขนที่กว้างให้เล็กลง ผิวดูเรียบเนียนอย่างทั่วถึงกัน
  • เพิ่มความยืดหยุ่นและสัมผัสที่เนียนนุ่มให้กับผิว
  • เสริมความชุ่มชื้นให้กับผิว ส่งผลให้ผิวดูอิ่มฟู ฉ่ำวาว

รวมรีวิวก่อน-หลัง ฉีดชาแนล

โดยแพทย์จะแนะนำให้ฉีดซ้ำทุกสัปดาห์ติดต่อกัน 3-4 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากที่สุด หลังจากนั้นจึงให้เว้นระยะการฉีดซ้ำที่ 2-3 เดือน
การทำงานของสารอาหารผิวในชาแนลจะช่วยบำรุงให้ผิวเรากลับมาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด โดยผลลัพธ์และระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับโครงสร้างผิวภายในของแต่ละคน ถ้าใครที่มีสภาพผิวแข็งแรง ผลลัพธ์ก็จะคงอยู่ได้ค่อนข้างนาน แต่สำหรับคนที่สภาพผิวอ่อนแอ แพทย์จะประเมินให้ฉีดซ้ำเป็นประจำทุกสัปดาห์ในช่วงแรก จนกว่าจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของสภาพผิว

ฉีดชาแนลเหมาะกับใคร ปัญหาผิวแบบไหนที่ชาแนลช่วยได้

  • ผิวแห้งเป็นขุย ขาดความชุ่มชื้น แต่งหน้าไม่ค่อยติด
  • สีผิวหน้าไม่สม่ำเสมอ หมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส
  • ผิวที่มีจุดด่างดำจากสิวและรอยแผลเป็นสิว
  • ผิวอ่อนแอแพ้ง่าย อยากฟื้นฟูความแข็งแรงของผิว
  • คนที่อยากมีผิวหน้ากระจ่างใส แบบที่เห็นผลไวกว่าสกินแคร์
  • คนที่ไม่มีเวลาดูแลผิว พักผ่อนน้อย นอนดึก

ฉีดชาแนล แพทย์ฉีดอย่างไร? เจ็บไหม? มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

สำหรับตัวยาชาแนลจะถูกบรรจุอยู่ในขวดปริมาณ 3 ml/ขวด ในการฉีด 1 ครั้ง แพทย์จะกระจายฉีดตัวยาให้ทั่วทั้งหน้าจนหมดขวด โดยลักษณะการฉีดนั้นเหมือนกันกับการฉีดเมโสหน้าใส ที่มีการเน้นฉีดบริเวณที่สำคัญอย่าง แก้ม หน้าผาก คาง และบริเวณอื่น ๆ ซึ่งก่อนหน้านั้นก็จะมีการทำความสะอาดเครื่องสำอางบนใบหน้า ทายาชา และประคบเย็นระหว่างฉีดด้วย
สำหรับความเจ็บระหว่างฉีดชาแนล เนื่องจากเป็นการฉีดตัวยาเข้าชั้นผิว ทำให้จะยังรู้สึกบ้างในช่วงที่แพทย์เดินยาเข้าสู่ผิวหนัง จากประสบการณ์ที่หมอเคยฉีดมา ทุกคนจะพูดเหมือนกันว่าเป็นระดับความเจ็บที่ทนได้แน่นอน แต่ใครที่กังวลมากสามารถแจ้งขอทายาชาเพิ่มเติมได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
คนกำลังฉีดชาแนล

อาการอื่น ๆ ที่อาจพบหลังฉีดชาแนล

หลังแพทย์ฉีดตัวยาเข้าชั้นผิว ใบหน้าบริเวณที่ฉีดจะเกิดตุ่มนูนตัวยาซึ่งเป็นอาการปกติและสามารถหายไปได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง หลังจากนั้นเราก็ใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม ไม่มีอะไรที่ต้องระวังเป็นพิเศษเลยค่ะ แต่ถ้าใครที่กังวลรอยช้ำเข็ม หมอแนะนำให้งดดื่มแอลกอฮอล์หนัก ๆ ในช่วง 1 ถึง 3 วันแรก เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์มีผลทำให้รอยช้ำเข็มชัดขึ้นและหายช้า

ฉีดชาแนล vs ฉีดรีจูรัน ต่างกันอย่างไร? ควรฉีดควบคู่กันไหม?

เปรียบเทียบผลลัพธ์ งานผิว 2 ตัวดัง จากเกาหลี

ชาแนล และ รีจูรัน ล้วนเป็นหัตถการงานผิวติดอันดับท็อปที่สาวเกาหลีเลือกฉีด เพราะต่างก็เน้นเรื่องการบำรุงและปรับสภาพผิว เพิ่มความชุ่มชื้น สร้างผิวฉ่ำวาวราวกระจก แต่ถ้าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง หมอมองว่าก็สามารถทำได้ค่ะ โดยยึดจากความต้องการของเราว่าอยากแก้ปัญหาผิวอย่างไหนก่อน ถ้ารู้สึกผิวไม่เรียบเนียน ขาดความอิ่มฟู รูขุมขนกว้าง หมอจะแนะนำให้ฉีดเป็นตัวรีจูรันค่ะ แต่ถ้าอยากเพิ่มความกระจ่างใสฉ่ำวาว การฉีดชาแนลก็จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
เปรียบเทียบรีจูรัน กับ แชนแนล
อย่างไรก็ตาม การฉีดควบคู่กันทั้งชาแนลและรีจูรันอย่างต่อเนื่อง ตัวยาในทั้งคู่จะทำงานส่งเสริมกัน ทำให้สุขภาพผิวหน้าโดยรวมของเราดีขึ้น เนื่องจากเซลล์ผิวได้รับการบำรุงทั้งจากจากโพลินิวคลีโอไทด์ใน DNA ปลาแซลมอน, Hyaluronic Acid, สารสกัด Pink Yeast และอาหารผิวเปปไทด์รวม 14 ชนิด เมื่อผิวได้รับความชุ่มชื้นสูงสุด สัมผัสผิวก็จะดูฉ่ำวาวราวผิวกระจก ทีนี้เราก็จะมี Glass Skin ได้ไม่แพ้สาวเกาหลีเลยค่ะ

อยากผิวหน้ากระจ่างใส ฉ่ำวาว ด้วยการฉีดชาแนล

หากสนใจอยากฉีดชาแนลเพิ่มความกระจ่างใส เติมความชุ่มชื้นสร้างความฉ่ำวาวให้ผิวหน้า สามารถเข้ารับคำปรึกษากับเจ้าหน้าแอดมินของคลินิกก่อนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ที่เมกะคลินิกเรามีความเชี่ยวชาญดูแลเคสงานผิวมาไม่ต่ำกว่า 100,000+ เคส มีหัตถการบำรุงผิวให้เลือกฉีดครบครันทั้งผิวหน้าและผิวกาย ในการปรึกษาเบื้องต้นนี้ แอดมินจะช่วยแนะนำตัวเลือกและโปรโมชั่นราคาที่เหมาะกับแต่ละคนที่สุดให้ก่อนเข้ามาใช้บริการที่คลินิก

โปรโมชั่น ฉีดชาแนล ราคาเท่าไหร่บ้าง

โปรโมชั่นราคาฉีดชาแนล
โปรโมชั่นราคาของชาแนลกับรีจูรัน
*ทุกโปรโมชั่น หมด 31 ธ.ค. 67 แคปสอบถามรับสิทธิ์ได้เลย คลิก!

Q&A Chanel ตอบทุกคำถามที่สงสัย

Q: เมโสชาแนล คืออะไร
A: เมโสชาแนล หรือที่หลายคนเรียกว่า “ฉีดชาแนล” เป็นการใช้ตัวยา L’ebss (เลอเบส) ซึ่งเป็น Skin Booster จากเกาหลี ตัวยาจะถูกฉีดเข้าสู่ชั้นผิว เพื่อให้ผิวได้รับวิตามินและสารบำรุงผิวสำคัญกว่า 20 ชนิด
เมโสชาแนลช่วยฟื้นฟู ซ่อมแซมเซลล์ผิว ทำให้ผิวหน้าสะอาด ชุ่มชื้น และดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมช่วยให้ผิวเปล่งประกายสดใสยิ่งขึ้น
Q: เมโสชาแนลปลอดภัยไหม
A: เมโสชาแนลเป็นหัตถการที่ถือว่ามีความปลอดภัยสูง สารสกัดที่อยู่ในเมโสชาแนลได้รับการยอมรับในวงการแพทย์มานาน จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยเลย
Q: เมโสชาแนลต้องฉีดกี่ครั้ง
A: ในช่วงแรกหมอแนะนำให้ฉีดอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ ติดต่อกันประมาณ 3-4 ครั้ง เพื่อให้ผิวได้ดูดซึมสารบำรุงที่จำเป็นอย่างเต็มที่ หลังจากครบ 3-4 ครั้งแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้ผิวดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้นสามารถเว้นระยะที่ 2-3 เดือนได้เลยค่ะ
Q: ฉีดชาแนลหนึ่งครั้ง อยู่ได้นานแค่ไหน  
A: หลังจากฉีดชาแนล ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ในช่วงประมาณ 7-14 วัน สำหรับคนที่มีสุขภาพผิวดีอยู่แล้ว สามารถเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงผิวตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด *ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโครงสร้างผิวภายในแต่ละคนด้วย
Q: หลังฉีดชาแนลแต่งหน้าได้ไหม  
A: แนะนำให้เลี่ยงการแต่งหน้า หรือสัมผัสหน้าแรงๆ ใน 24 ชั่วโมงแรก เนื่องจากหลังทำหัตถการ ผิวในบริเวณนั้นมีความไวและบอบบางมากกว่าปกติ การงดแต่งหน้าชั่วคราวจะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อหรือการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นในบริเวณที่ฉีดได้
Q: เมโสชาแนลต่างจากการฉีดวิตามินอย่างไร  
A: การฉีดวิตามินเป็นการฉีดสารบำรุงเข้าสู่เส้นเลือด ช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารและวิตามินได้อย่างรวดเร็ว เป็นวิธีที่ส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของร่างกาย
ส่วนการฉีดเมโสชาแนล (Meso Chanel) เป็นการฉีดสารบำรุงเข้าสู่ชั้นผิว เน้นบำรุงและฟื้นฟูผิวหน้าโดยตรง
การฉีดชาแนลถือเป็นการบำรุงผิวด้วยสารอาหารตัวสำคัญที่เน้นช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิว เมื่อผิวเราสุขภาพดีขั้นสุด สิ่งที่ตามมาก็จะเป็นความสดใสเปล่งประกายของใบหน้า เสริมบุคลิกภาพให้เรารู้สึกมั่นใจในตัวเองยิ่งขึ้น
โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเมกะคลินิกพร้อมให้คำปรึกษาและประเมินเลือกหัตถการที่เหมาะสมที่สุดในการแก้ปัญหาสภาพผิวของแต่ละคนได้อย่างตรงจุด
ก่อนตัดสินใจจองคิวแพทย์ เราสามารถเข้ารับคำปรึกษาเกี่ยวกับสภาพผิวเบื้องต้นกับเจ้าหน้าแอดมินของเมกะคลินิกได้เช่นกัน ทาง LINE Official: @megaclinic (มี @) หรือกดแอดไลน์ที่ปุ่มสีเขียวด้านล่างนี้ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย