ค้นหา
ค้นหา

ฟิลเลอร์ Neuramis 5,990.-/cc แอดไลน์เลย!

Skinvive คืออะไร

Skinvive คืออะไร? ราคาเท่าไหร่? ฉ่ำนานถึง 9 เดือนจริงไหม ไขข้อสงสัยก่อนตัดสินใจฉีดกัน

ใครๆ ก็อยากมีผิวสุขภาพดี อิ่มน้ำ เรียบเนียน ดูเปล่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติ แต่กลับมีหัตถการความงามให้เลือกมากมาย ทำให้หลายคนไม่รู้จะเลือกอะไรดี ในบทความนี้ หมอจะพาทุกคนไปรู้จักกับ Skinvive ฟิลเลอร์งานผิวจาก Juvederm แบบเจาะลึก ทั้งกระบวนการทำงาน และจุดเด่น รวมถึงคำถามยอดฮิตอย่าง เหมาะกับใคร? ราคาเท่าไหร่? อ่านจบแล้วรับรองตัดสินใจได้ง่ายขึ้นแน่นอนค่ะ

เลือกอ่านตามหัวข้อ

Skinvive คือ

Skinvive คือ

Skinvive หรือ สกินวิฟฟ์ เป็นฟิลเลอร์งานผิวตัวใหม่ล่าสุดจากฝั่งอเมริกา ตัวนี้พัฒนามาจากฟิลเลอร์ Juvederm มีการปรับสูตรให้ตอบโจทย์เรื่องการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวล้ำลึกกว่าเดิม จุดเด่นอยู่ที่ Hyaluronic Acid (HA) แบบไมโครดรอปเล็ต ที่มีโมเลกุลขนาดเล็กมากๆ ช่วยกระตุ้นการทำงานของ Aquaporin 3 (AQP3) หรือ อควาพอริน 3 ที่อยู่ในผิว ให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้นานสูงสุดถึง 9 เดือน* ส่วนจะมีหลักการทำงานอย่างไร มาดูกันในหัวข้อถัดไปเลยค่ะ
หลักการทำงานของสกินวิฟฟ์

หลักการทำงาน

การฉีด Skinvive คือการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวจากภายใน โดย Hyaluronic Acid ที่ถูกฉีดเข้าไปจะทำหน้าที่ช่วยเหลือ AQP3 ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มีขั้นตอนการทำงานดังนี้
  • เติม Hyaluronic Acid เมื่อไฮยาลูรอนิกใน Skinvive เข้าสู่ผิว ลักษณะของมันที่เป็นไมโครดรอปเล็ต (Microdroplets) จะมีคุณสมบัติพิเศษดึงดูด และกักเก็บน้ำได้มากถึง 1,000 เท่า ส่งผลให้ HA กระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่เป็นก้อน
  • การเสริมการทำงานของ Aquaporin 3 ซึ่งเป็นโปรตีนที่สามารถพบได้ในผิวหนัง มีหน้าที่ในการส่งน้ำเข้าสู่เซลล์ผิว รวมทั้งลำเลียงกลีเซอรอล (Glycerol) ส่วนประกอบที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว เมื่อ AQP3 ได้รับความชุ่มชื้นจาก HA ก็จะลำเลียงน้ำได้มากขึ้น และสร้างสมดุลให้ผิวได้ยาวนานยิ่งขึ้น
การทำงานของ HA เหมือนการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับ AQP3 ในผิวของเราให้ทำงานอย่างเต็มที่ ทำให้ผิวคงความชุ่มชื้นได้ยาวนาน
ก่อน และหลัง ฉีด ฟิลเลอร์ และ สกินวิฟฟ์

Skinvive ต่างจากฟิลเลอร์ยังไง

แม้ว่า Skinvive กับ ฟิลเลอร์ จะเป็นฟิลเลอร์เหมือนกัน แต่ทั้งสองมีจุดเด่นและจุดประสงค์การใช้งานที่ต่างกันอย่างชัดเจน
  • Skinvive คือ ฟิลเลอร์งานผิว ที่ออกแบบมาเพื่อดูแลผิวโดยเฉพาะ มีโมเลกุลที่เล็กละเอียดระดับไมโคร ทำหน้าที่ดึงน้ำเข้าสู่ชั้นผิว ช่วยให้ผิวดูฉ่ำวาว ชุ่มชื้น
  • ฟิลเลอร์ คือ HA ที่ช่วยเติมเต็ม เน้นแก้ไขปัญหาร่องลึก เพิ่มวอลลุ่ม หรือปรับรูปหน้า อย่างเช่น ฉีดฟิลเลอร์คางปรับหน้าเรียว, ฉีดฟิลเลอร์ปากเพิ่มวอลลุ่ม, ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มลดอายุ หรือ ฉีดฟิลเลอร์ขมับให้หน้าละมุน
หากใครยังลังเลอยู่ ลองดูความกังวลของตัวเองก่อนว่าต้องการเติมเต็ม หรือปรับรูปหน้าส่วนไหนที่ยังไม่พอใจไหม เช่นอยากเติมคาง ปรับหน้าเรียว หรือเติมใต้ตา ก็แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ค่ะ แต่หากใครที่มีปัญหาผิวแห้ง ไม่เรียบเนียน รูขุมขนกว้าง อยากฟื้นฟูผิวให้กลับมาอิ่มน้ำ มีสุขภาพดี การฉีด Skinvive คือหัตถการที่เหมาะสมกว่า
สำหรับคนที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ร่วมกับ Skinvive ก็สามารถทำได้ภายในวันเดียวกัน โดยจะช่วยทั้งการปรับรูปหน้า เติมเต็มร่องลึก และเพิ่มความชุ่มชื้นของผิวไปพร้อมกันในครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม หมอจะเป็นผู้ประเมินสภาพผิวและความเหมาะสมอย่างละเอียดก่อน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล
Skinvive ช่วยเรื่องอะไร

Skinvive ช่วยเรื่องอะไร

  • ช่วยผิวชุ่มชื้นจากภายใน
  • ช่วยผิวฉ่ำวาว โกลว์ เล่นแสง
  • ช่วยลดความมันส่วนเกิน
  • ช่วยกระชับรูขุมขน
  • แต่งหน้าติดทน
  • ผิวเนียนละเอียด
Skinvive เหมาะกับใคร

Skinvive เหมาะกับใคร

  • เหมาะกับคนที่ผิวแห้งกร้าน
  • เหมาะกับคนที่ผิวไม่เรียบเนียน
  • เหมาะกับคนที่ต้องการฟื้นฟูผิว
  • เหมาะกับคนที่แต่งหน้าไม่ติด
  • เหมาะกับคนที่หน้ามัน รูขุมขนกว้าง

ใครที่ไม่ควรฉีด

  • ผู้ป่วยมะเร็งไทรอยด์
  • ผู้ป่วยมะเร็งต่อมไร้ท่อชนิด MEN2
สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว ให้ปรึกษาหมอก่อนฉีดค่ะ
Skinvive ฉีดตรงไหน

Skinvive ฉีดตรงไหน?

เป็นการฉีดกระจายทั่วบริเวณหน้าแก้มทั้งสองข้าง เพื่อให้ตัวยากระจายตัวและเติมความชุ่มชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

หน้ามัน รูขุมขนกว้าง ฉีด Skinvive ดีไหม

หลายคนที่มีปัญหาหน้ามัน อาจเข้าใจผิดว่าผิวของตัวเองไม่ต้องการความชุ่มชื้น แต่ในความเป็นจริง ปัญหาหน้ามันและรูขุมขนกว้าง มีสาเหตุจาก ผิวที่ขาดสมดุลความชุ่มชื้น เมื่อผิวแห้ง ต่อมไขมันจะทำงานหนักขึ้นเพื่อผลิตน้ำมันออกมาทดแทน ส่งผลให้ผิวหน้าดูมันเยิ้มกว่าปกติ และน้ำมันส่วนเกินเหล่านี้ยังไปอุดตันรูขุมขน ทำให้รูขุมขนดูกว้างขึ้น
แล้วฉีด Skinvive ช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้จริงหรือ? อย่างที่ทราบกันดีว่า Skinvive คือ ฟิลเลอร์ที่ออกแบบมาเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิวโดยเฉพาะ หลังฉีดผิวมีความชุ่มชื้นขึ้น สามารถปรับสมดุลของน้ำมันในผิว ทำให้การผลิตน้ำมันส่วนเกินลดลง หน้าจึงดูมันน้อยลง รูขุมขนก็กระชับขึ้นนั่นเอง

หลังฉีด Skinvive เห็นผลเมื่อไหร่ อยู่ได้นานไหม

หลังฉีดผิวจะเริ่มดูชุ่มชื้น เรียบเนียนขึ้นใน 2 สัปดาห์ และเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 4 สัปดาห์ ผิวจะดูฉ่ำวาว รูขุมขนกระชับ แต่งหน้าติดผิวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ผลลัพธ์อยู่ได้นานสูงสุด 6-9 เดือนขึ้นอยู่กับการดูแลและโครงสร้างผิวแต่ละคน

เปรียบเทียบหัตถการงานผิวตัวอื่นกับ Skinvive

หัตถการงานผิวของ MEGA CLINIC มีหลายตัวให้เลือกตามปัญหาผิวของแต่ละคน เรามีตัวเลือกทั้ง Skinvive, Revive, Rejuran และ Rejuran HB ที่ตอบโจทย์แตกต่างกันไป และมีความโดดเด่นต่างกัน
  • Revive ประกอบไปด้วย Hyaluronic Acid (HA) และ Glycerol ช่วยให้ ผิวอิ่มฟู ฉ่ำใส เรียบเนียน ดูสุขภาพดี
  • Rejuran มี Polynucleotide (PDRN) ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง รูขุมขนเล็กลง ผิวเนียนละเอียด
  • Rejuran HB ประกอบด้วย Polynucleotide (PDRN) ช่วยกระชับรูขุมขน เพิ่มความฉ่ำวาว ผิวละเอียด กระจ่างใส รุ่นนี้มีความพิเศษตรงที่มียาชาในตัว เหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องความเจ็บเพราะจะช่วยลดความแสบระหว่างทำได้
เห็นคุณสมบัติคร่าว ๆ กันแล้ว ต่อไปมาดูความแตกต่างของแต่ละหัตถการแบบละเอียดกันเลยค่ะ
เปรียบเทียบหัตถการ Skinvive กับ Revive Rejuran Rejuran HB
ใครอยากรู้ความแตกต่างระหว่าง Rejuran ทั้งสองแบบ บทความด้านล่างนี้มาคำอธิบายครบถ้วน
วิธีดูแลตัวเอง ก่อน และหลังฉีด Skinvive

วิธีดูแลตัวเองก่อนฉีด

ก่อนฉีดสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ สำหรับผู้หญิงต้องแน่ใจว่าไม่ได้อยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
แต่หากใครกังวลเกี่ยวกับรอยช้ำจากเข็ม หมอแนะนำให้ปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันไม่ให้รอยช้ำหายช้ากว่าปกติ ดังนี้
  • งดทานยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยากลุ่มต้านการอักเสบ (NSAIDs)
  • งดอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของ วิตามิน E, วิตามิน K, Fish Oil หรือ Primrose อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนฉีด
  • งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนฉีด
  • งดการออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด
สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว หรือมียาที่รับประทานเป็นประจำ ควรแจ้งหมอก่อนเข้ารับบริการหัตถการทุกครั้ง

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีด

  • เนื่องจาก HA เป็นส่วนประกอบที่ชอบน้ำ เพราะฉะนั้นควรดื่มน้ำวันละ 6 – 7 แก้ว เพื่อให้ HA ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • งดเข้าซาวน่า อบไอน้ำเป็นเวลา 1 สัปดาห์
  • งดแต่งหน้า 1 วัน

Skinvive รีวิว ก่อน-หลังฉีด

Skinvive รีวิว ก่อน-หลังฉีด

Skinvive ราคาเท่าไหร่ ?

Skinvive ราคาเท่าไหร่ ?

โปรโมชั่นหมดเขต 31 สิงหาคม 2568 รีบจองเลย! แอดไลน์เลย

สำหรับราคา Skinvive ที่ MEGA CLINIC อยู่ที่
  • 1 cc ราคา 12,900
  • 2 cc ราคา 11,900/cc
  • 4 cc ราคา 11,250/cc
  • 6 cc ราคา 11,100/cc

ฉีด Skinvive ที่ไหนดี

หลายๆ คลินิกความงามแทบทุกที่มี Skinvive แต่เราจะเลือกฉีดที่คลินิกไหนดี? หมอได้สรุปสั้นๆ ไว้เพื่อเป็นแนวทางดังนี้ค่ะ
  • ฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีใบอนุญาตถูกต้อง
  • หมอผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้สั่งตรงจากบริษัท Allergan ผู้ผลิต โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อคลินิกที่สั่งซื้อได้ที่: https://cliniclocator.allerganaesthetics.co.th/
  • คอยติดตามผล และมีบริการปรึกษาหมอได้หลังฉีด
ฉีด Skinvive ที่ไหนดี

Q&A ตอบทุกคำถามที่สงสัย

Q: Skinvive ฉีดกี่ cc ถึงเห็นผล

A: จำนวน cc ที่ใช้ในการฉีด Skinvive จะใช้ปริมาณข้างละ 1-2 cc ขึ้นกับโครงสร้างผิวค่ะ เพื่อช่วยเติมความชุ่มชื้น ความเรียบเนียน และผิวที่ฉ่ำฉาวได้อย่างทั่วถึง หลังจากฉีดไปแล้ว ผิวจะเริ่มดูชุ่มชื้นและเรียบเนียนขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ และหลังจาก 4 สัปดาห์ ผิวจะดูฉ่ำวาว รูขุมขนกระชับ และแต่งหน้าติดผิวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

Q: อาการที่พบได้หลังฉีด

A: หลังฉีดอาจมีการนูนของตัวยาได้บ้าง และจะค่อยๆ ยุบลงใน 7-14 วัน ไม่มีอันตรายใดๆ สามารถนวดคลึงเบาๆ เพื่อช่วยให้ยุบเร็วขึ้นได้ค่ะ

Q: Skinvive VS Revive ต่างกันยังไง

A: ทั้ง Skinvive และ Revive ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวได้เหมือนกัน แต่ต่างกันที่หลักการทำงาน
  • Skinvive ประกอบด้วย HA แบบไมโครดรอปเล็ต ช่วยเสริมการทำงานของอควาพอริน 3 ทำให้ลำเลียงน้ำและกลีเซอรอลเข้าสู่เซลล์ผิวได้ดี
  • Revive มีส่วนประกอบของ HA และกลีเซอรอล ช่วยให้ผิวกักเก็บน้ำได้ดี
สรุปคือ Skinvive ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิวให้ทำงานได้ดีขึ้น ส่วน Revive ช่วยให้ผิวกักเก็บน้ำได้ดี และทำให้ผิวคงความชุ่มชื้นได้ยาวนาน

Q: Skinvive อันตรายไหม

A: Skinvive ที่เมกะคลินิก นำเข้าโดยตรงจากบริษัท อัลเลอร์แกน ไทยแลนด์ จำกัด ซึ่งได้รับการรับรองคุณภาพและความปลอดภัยจาก USFDA (องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา) และ อย.ไทย นอกจากนี้ทีมหมอของเรายังได้รับการฝึกฝนเทคนิคการฉีดจาก Allergan โดยตรง เพื่อให้ทุกคนมั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ

Q: อยู่ได้นานกี่เดือน

A: ให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-9 เดือน โดยขึ้นกับโครงสร้างผิวของแต่ละคน

Q: ฉีด Skinvive ต้องฉีดต่อเนื่องมั้ย มีการเว้นยังไง?

A: Skinvive ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด โดยคุณหมอจะเป็นคนประเมินสุขภาพ และปัญหาผิวของแต่ละคน ใครที่มีปัญหาผิวเยอะแนะนำฉีดทุก 1 เดือน ติดกัน 3 ครั้ง แต่ถ้าโครงสร้างผิวค่อนข้างดีอยู่แล้วเว้นที่ 6 เดือนแล้วค่อยกลับมาฉีด หรือรอจนรู้สึกว่าผลลัพธ์เริ่มลดลงก็ได้เช่นกันค่ะ

Q: ทำพร้อมกับ Chanels ได้ไหม?

A: สามารถทำพร้อม Chanels วันเดียวกันได้เลยค่ะ

Q: ทำพร้อมกับ Ultraformer ได้ไหม?

A: สามารถทำ Ultraformer และฉีด Skinvive ภายในวันเดียวกันได้ แต่ควรพักผิวหลังจากทำ Ultraformer 30 นาทีค่ะ

Q: หัตถการไหนที่ควรเว้นหลังฉีด Skinvive

A: หากฉีด Skinvive แล้วแนะนำให้เว้นระยะฉีด Juvelook และ Sculptra 1 เดือนค่ะ

Q: Skinvive สามารถฉีดใต้ตาได้หรือไม่

A : หากต้องการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและลดริ้วรอยเล็ก ๆ ใต้ตา แนะนำ Juvelook ค่ะ แต่ถ้าอยากให้ใต้ตาดูเต็ม อิ่มฟู สดใสขึ้น การเติมฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดค่ะ

Q: ต่างจากหัตถการงานผิวตัวอื่นยังไง

A:  ที่ MEGA CLINIC นอกจากจะมี Skinvive แล้ว ยังมีหัตถการงานผิวอื่น ๆ ที่ช่วยฟื้นฟูผิวหน้า ได้แก่ ฉีดหน้าใส Chalnel และ Belotero Revive ซึ่งแต่ละตัวมีจุดเด่นเฉพาะ และคุณสมบัติที่ต่างกัน สามารถอ่านความแตกต่างในบนความด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ
สำหรับใครที่มีปัญหาผิวหน้าหรืออยากบำรุงเพิ่มเติม แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกอะไรดี สามารถเข้ามาปรึกษาหมออย่างละเอียดได้ฟรี ที่เมกะคลินิกคลินิกความงามทั้ง 5 สาขา
  • คลินิกความงาม กรุงเทพมหานคร MEGA CLINIC สาขาสยามสแควร์
  • คลินิกความงาม นนทบุรี MEGA CLINIC สาขาเซ็นทรัลเวสต์เกต
  • คลินิกความงาม ลาดพร้าว MEGA CLINIC สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว
  • คลินิกความงาม รังสิต ปทุมธานี MEGA CLINIC สาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต
  • คลินิกความงาม ปากน้ำ ศรีนครินทร์ MEGA CLINIC สาขาปากน้ำ
หากใครไม่สะดวกเข้ามาที่คลินิก สามารถส่งรูปพร้อมแจ้งปัญหาผิวให้หมอช่วยวิเคราะห์ทางออนไลน์ได้ที่ LINE Official: @megaclinic (มี @) หรือกดแอดไลน์ที่ปุ่มสีเขียวด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับโครงสร้างผิวของแต่ละคน
แหล่งที่มาข้อมูลเพิ่มเติม:
www.juvederm.co.th
Roles of Aquaporin-3 in the Epidermis จาก sciencedirect.com