ปัญหาหน้าบาน ดูขาดมิติ กรอบหน้าไม่ชัดเจน ไม่รู้ว่าที่เป็นอยู่เพราะแก้มเยอะหรือกรามใหญ่ แล้วควรเลือกแก้ไขด้วยหัตถการไหนระหว่าง “โบท็อก” หรือ “เมโสแฟต” ที่จะช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวเล็กลงได้ เพราะทั้ง 2 หัตถการนั้นมีกระบวนการทำงานที่แตกต่างกัน หมอว่าเรามาทำเข้าใจกับหัตถการเหล่านี้ไปด้วยกันดีกว่าค่ะว่า มีความแตกต่างกันอย่างไร ควรเลือกฉีดตัวไหนถึงจะช่วยแก้ไขรูปหน้าให้เรียวลงได้
โบท็อก คืออะไร?
โบท็อก คือ “โบทูลินั่ม ท็อกซิน ชนิดเอ (Botulinum Toxin Type A)” เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัวและทำงานลดลงชั่วคราว ส่งผลให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง จึงนิยมใช้ในการฉีดเพื่อปรับรูปหน้า
แฟต คืออะไร?
แฟต คือ การสลายไขมันในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ซึ่งเมื่อฉีดแฟตไปแล้วร่างกายจะดึงไขมันมาเป็นพลังงาน และมีไขมันบางส่วนแตกตัวเป็นของเหลว โดยร่างกายจะกำจัดไขมันเหล่านั้นด้วยการขับออกมาทางเหงื่อและปัสสาวะ
จากตารางเปรียบเทียบจะเห็นภาพได้ชัดขึ้นว่า โบท็อกและแฟตต่างกันอย่างไร โบท็อกนั้นออกฤทธิ์โดยตรงที่ชั้นกล้ามเนื้อ ส่วนแฟตจะออกฤทธิ์โดยตรงที่ชั้นไขมัน ถึงแม้ว่าตัวยาจะทำงานกันคนละแบบ แต่ก็ช่วยเสริมให้รูปหน้าเรียวเล็กลงได้ ทีนี้ต้องมาดูกันต่อว่าแต่ละคนควรเลือกฉีดตัวไหนมากกว่ากัน
โบท็อก vs แฟต หัตถการไหนเหมาะกับใคร?
โบท็อก
เหมาะกับคนที่มีปัญหาหน้าบานจากเนื้อกรามที่มีขนาดใหญ่ จึงต้องฉีดเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อ ทำให้ใบหน้าดูเรียวลง รวมถึงสามารถฉีดลิฟท์กรอบหน้าเพื่อเพิ่มความกระชับให้ผิว เก็บผิวกรอบหน้าให้ดูคมชัดขึ้น เป๊ะขึ้นได้
แฟต
เหมาะกับคนที่มีปัญหาไขมันสะสมบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะที่แก้มและเหนียง ซึ่งไขมันเหล่านี้ทำให้รูปหน้าไม่เรียวเฟิร์ม สามารถฉีดสลายออกได้
วิธีเช็กรูปหน้า รู้สึกหน้าบานเพราะกรามใหญ่หรือแก้มเยอะ
มาลองเช็กรูปหน้าแบบง่าย ๆ ว่าที่รู้สึกว่าหน้าบานเป็นที่กรามใหญ่หรือแก้มเยอะกันแน่
- วิธีที่ 1 ลองมองตรงและยิ้มกว้างใส่กระจก สังเกตแก้มว่าเมื่อยิ้มแล้วแก้มดูใหญ่ขึ้นกว่าก่อนยิ้มไหม ถ้ารู้สึกว่าแก้มใหญ่ขึ้นเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากไขมันสะสม แนะนำให้ฉีดแฟตจะช่วยสลายไขมันและแก้ไขปัญหารูปหน้า
- วิธีที่ 2 นำนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นมาวางบริเวณกรอบหน้า ให้นิ้วขนานกับติ่งหู เหมือนรูปด้านบน แล้วลองกัดฟันให้แน่นที่สุด หากมีก้อนกล้ามเนื้อดันขึ้นมาชนนิ้วมือ แนะนำฉีดโบท็อกจะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณกรามได้ดี ช่วยให้ใบหน้าดูเล็กลง
ฉีดโบท็อกกับแฟตพร้อมกันได้ไหม?
สามารถฉีดพร้อมกันได้ค่ะ เพราะตัวยาทั้ง 2 นั้นออกฤทธิ์กันคนละแบบและให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน หากอยากปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก กรอบหน้าชัด แนะนำให้ฉีดแฟตและโบท็อกคู่กันจะเห็นผลได้อย่างชัดเจนที่สุด โดยโบท็อกจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามคลายตัวและมีขนาดเล็กลง ส่วนแฟตจะช่วยสลายไขมันบริเวณแก้มและเหนียงให้ลดลง ใบหน้าจะเรียวเล็กได้รูป รูปหน้าดูเฟิร์ม เริ่มเห็นกรอบหน้าชัดขึ้น
Q&A หมอตอบเอง อยากฉีดหน้าเรียว โบท็อกกราม เมโสแฟต พร้อมกัน ต้องรู้อะไรบ้าง
Q: หลังฉีดหน้าเรียวด้วยโบท็อกกรามและเมโสแฟต กี่วันถึงจะเริ่มเห็นผล?
A: ปกติโบท็อกจะเริ่มออกฤทธิ์จนเต็มที่ในช่วง 2 ถึง 4 สัปดาห์หลังฉีด เร็ว-ช้า ต่างกันตามขนาดขางกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดและการตอบสนองทางร่างกายของแต่ละคน ถ้าจุดฉีดเป็นกล้ามเนื้อที่มีขนาดใหญ่ อาจใช้เวลาเห็นผลเต็มที่นานขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย
ส่วนเมโสแฟตสูตร Lipo-S ของเมกะคลินิกนั้นจะให้ผลลัพธ์ไวกว่าแฟตสูตรทั่วไป ในช่วง 1 ถึง 2 สัปดาห์หลังฉีด ไขมันสะสมบริเวณจุดที่ฉีดจะสลายไปได้ประมาณ 10-20% ของปริมาณไขมันเดิม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกาย ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคนเช่นกัน
Q: การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกกรามและเมโสแฟต ที่เมกะคลินิก มีอะไรบ้าง?
A: สำหรับทั้งสองหัตถการนี้จะไม่ได้มีข้อห้ามหรือข้อปฏิบัติอะไรเป็นพิเศษเลยค่ะ เว้นแค่คนไหนที่กังวลเรื่องรอยช้ำรอยเข็มที่อาจดูเข้มชัดหรือหายช้ากว่าปกติ หมอแนะนำให้งดทานอาหารและยาบางอย่าง ได้แก่
- ยาแก้ปวด ยาต้านการอักเสบ ที่อยู่ในกลุ่ม NSAIDs และแอสไพริน
ควรงดในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนฉีด - อาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของ วิตามินอี วิตามินเค น้ำมันปลา และพริมโรส ควรงดในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนฉีด
- เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ควรงดในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนฉีด
Q: การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกกรามและเมโสแฟต ที่เมกะคลินิก มีอะไรบ้าง?
A: หลังฉีดหน้าเรียวด้วยโบท็อกกรามและเมโสแฟต ควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของหมอ ดังต่อไปนี้
- ช่วง 3 วันแรก ให้งดนวด บีบ คลึงแรง ๆ บริเวณจุดที่ฉีด
- ช่วง 1 สัปดาห์แรก ควรหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ อบซาวน่า อบไอน้ำ
- หลังฉีดประมาณ 3-4 เดือน ตัวยาโบท็อกจะเริ่มสลายจนหมดซึ่งเป็นเรื่องปกติ สามารถเข้ามาฉีดโบท็อกซ้ำได้ในช่วงนี้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องดื้อโบท็อก เพราะเป็นระยะห่างระหว่างการฉีด แต่ละครั้งที่เหมาะสม
- ดื่มน้ำเยอะ ๆ วันละ 8-10 แก้ว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญไขมันหลังฉีดเมโสแฟต
- ลดการกินของมันของทอดและออกกำลังกาย เพื่อชะลอไขมันใหม่มาสะสมที่ใบหน้า
Q: ยี่ห้อของโบท็อกและเมโสแฟตที่ใช้ฉีด มีผลต่อลักษณะของผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีดหรือไม่?
A: สำหรับตัวยาโบท็อกทุกยี่ห้อคือโบทูลินั่ม ท็อกซิน ชนิด เอ (Botulinum Toxin Type A) เหมือนกันหมด แล้วถ้าเป็นโบท็อกแท้ได้มาตรฐาน มีอย.ไทยรับรองถูกต้อง ก็จะมอบผลลัพธ์หลังฉีดที่แทบไม่แตกต่างกันเลยค่ะ
ในขณะที่เมโสแฟตแต่ละยี่ห้ออาจมีส่วนประกอบหลักและคุณสมบัติของตัวยาที่แตกต่างกันอยู่บ้าง หมอแนะนำให้ศึกษาหาข้อมูลหรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนฉีดได้ แล้วค่อยตัดสินใจว่าเราควรเลือกยี่ห้อไหนดี
Q: อยากทราบโปรโมชั่นฉีดหน้าเรียว โบท็อกกราม เมโสแฟต ที่เมกะคลินิก
A: สำหรับที่นี่จะมีทั้งโปรซื้อฉีดแยกตามหัตถการ ไปจนถึงโปรเหมาในราคาสุดคุ้มเลยนะคะ
- โปรโมชั่นฉีดโบท็อกกราม หน้าเรียว โบเกาหลีเลือกยี่ห้อได้
- โปรโมชั่นฉีดเมโสแฟต สลายไขมัน Lipo-S สูตรเข้มข้น
8 เข็ม ราคา 4,900 บาท
18 เข็ม ราคา 9,900 บาท
- โปรเหมาคู่หูฉีดหน้าเรียว ฉีดทีเดียว คุ้มกว่าซื้อแยก
เมโสแฟต 18 เข็ม (เลือกบริเวณได้)
ได้หมดนี่ในราคา 9,999 บาท
แค่นี้ก็หายสับสนแล้วค่ะว่า โบท็อก vs แฟต แตกต่างกันอย่างไร การทำงานของโบท็อกและแฟตออกฤทธิ์แบบไหน ช่วยเรื่องรูปหน้าได้อย่างไร นอกจากนี้ยังสามารถวิเคราะห์ปัญหารูปหน้าเบื้องต้นได้ด้วยตัวเองและรู้ว่าปัญหาเกิดจากไขมันหรือกล้ามเนื้อ เพื่อเลือกหัตถการที่ตรงกับผลลัพธ์ที่ต้องการ ได้รูปหน้าที่ชัดเจน ดูเรียวเล็ก
แต่ถ้าใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังรู้สึกไม่แน่ใจว่า ปัญหารูปหน้าของตัวเองควรแก้ไขด้วยหัตถการใด สามารถจองคิวเข้ามาประเมินใบหน้าอย่างละเอียดกับทีมแพทย์ของเมกะคลินิก แอด LINE Official: @megaclinic (มี @) หรือกดแอดไลน์ที่ปุ่มสีเขียวด้านล่างนี้ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย