ถ้าพูดถึงการแก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้าด้วยสารเติมเต็มหรือ “ฟิลเลอร์” ถือว่าเป็นที่นิยมอย่างมาก ทั้งในกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มวัยทำงานไปจนถึงผู้ใหญ่ ยิ่งโดยเฉพาะเทรนด์การฉีดฟิลเลอร์ปากที่สามารถปรับทรงปากให้รับกับใบหน้าหรือแก้ไขปัญหารูปปากให้ได้สัดส่วนที่ดียิ่งขึ้นได้ เพราะเพียงแค่ฉีดฟิลเลอร์ปาก โดยเฉพาะทรงปากที่เราเลือกสามารถเปลี่ยนลุคให้กลายเป็นคนละคนได้ค่ะในบทความนี้หมอจะมาแนะนำทรงปากยอดฮิตที่เหมาะกับสาวเอเชีย เพิ่มมิติให้รูปปากอวบอิ่ม ดูสุขภาพดีได้ง่าย ๆ เพียงแค่ฟิลเลอร์ปาก ลองมาดูกันว่า ทรงปากแบบไหนที่สาว ๆ เลือกมาเป็นตัวอย่างให้หมอกันค่ะ 4 ทรงปากสวย เปลี่ยนลุค ปากทรง Classic Lips ทรงปากนี้จะเน้นความเป็นธรรมชาติ โดยยึดจากโครงสร้างปากเดิม ปรับแต่งทรงให้มีมิติขึ้นและเพิ่มความหนาที่ริมฝีปากล่างให้อวบอิ่มขึ้น ซึ่งที่เมกะคลินิกจะใช้เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์มุมปากให้ยกขึ้น ทรงนี้จะเน้นความเป็นธรรมชาติ ดูละมุน เน้นความอิ่มฟูของปาก ไม่เน้นขอบปากหรือกระจับปาก และลดร่องลึกบนปากให้ดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น ปากทรง Cherry Lips ทรงปากยอดฮิตอย่างทรง Cherry Lips เป็นทรงที่สาว ๆ หลายคนชื่นชอบและเลือกเป็นตัวอย่างในการฉีดฟิลเลอร์อยู่บ่อยครั้ง เพราะเป็นทรงที่ทำให้ใบหน้าดูหวานขึ้นด้วยริมฝีปากบนที่เรียวสวย ขอบปากชัดเจน เพิ่มกระจับปาก เพิ่มความน่ารักและเติมความอวบอิ่มที่ริมฝีปากล่างให้ดูคล้ายคลึงกับลูกเชอร์รี่ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของทรงปากนี้ค่ะ ปากทรง Baby Lips สำหรับสาว ๆ

คนที่ผิวแพ้ง่าย หน้าไม่เนียนใส โดนอะไรนิดหน่อยก็ระคายเคือง อักเสบ เป็นสิว การบำรุงด้วยสกินแคร์หรือวิตามินอาหารเสริมเพียงเท่านั้นอาจไม่เพียงพอในบทความนี้ เมกะคลินิกผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้าและงานผิว ขอแนะนำ 4 หัตถการที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้โครงสร้างผิว สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจฉีดหน้าเพื่อจัดการกับปัญหาผิวโดยเฉพาะ ตามไปอ่านพร้อมกันได้เลยค่ะ ผิวแพ้ง่าย ต้องหาตัวช่วยฟื้นฟูผิวจากภายใน การดูแลผิวหน้าที่ไม่แข็งแรง ระคายเคืองง่าย เป็นสิวบ่อย หมอแนะนำให้เลือกหัตถการที่มีคุณสมบัติฟื้นฟูความสมบูรณ์ของผิวได้ถึงระดับเซลล์ ที่ลำพังการใช้สกินแคร์ไม่สามารถเข้าบำรุงได้ล้ำลึกเท่า โดยหัตถการเหล่านั้นได้แก่ ฉีดรีจูรัน Polynucleotide (PN) โพลีนิวคลีโอไทด์ธรรมชาติที่สกัดได้จาก DNA ของปลาแซลมอน นวัตกรรมฟื้นฟูเซลล์ผิวอันโด่งดังจากประเทศเกาหลี ที่ได้การรับรองจากวงการแพทย์ผิวหนังให้นำมาใช้ปรับสภาพผิวที่ไม่แข็งแรงพร้อมกับเพิ่มความชุ่มชื้น ฉีดรีจูรัน ดูแลผิวแพ้ง่ายได้อย่างไร? ซ่อมแซมและสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน คุณสมบัติหลักของโพลีนิวคลีโอไทด์ในตัวยารีจูรัน คือการทำหน้าที่ปรับสภาพผิวหน้าโดยรวมให้ดีขึ้น โดยแพทย์จะใช้เทคนิคฉีด Intradermal Injection แบบเรียงจุดไข่ปลาตามบริเวณหลักบนใบหน้า จาก นั้นก็จะเริ่มรู้สึกถึงความเนียนละเอียดของผิวได้ตั้งแต่ช่วง 5-7 วัน หลังฉีดครั้งแรก ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้น เมื่อผิวแข็งแรงขึ้น ปัญหาผิวแพ้ง่าย ผิวระคายเคือง ก็จะลดลงตาม ทั้งนี้สำหรับผิวที่ค่อนข้างอ่อนแอ ควรฉีดรีจูรันต่อเนื่องอย่างน้อย 3-4

แม้ว่าในบ้านเราจะไม่ได้ต้องเจอกับสภาพอากาศหนาวเย็นกันอยู่บ่อย ๆ แต่หลายคนก็คงสงสัยว่าทำไมยังมีปัญหาผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวแห้งลอกเป็นขุย กันได้อยู่ หมอแนะนำให้ลองอ่านบทความนี้ แล้วจะพบว่าการใช้ชีวิตของเราหลาย ๆ แบบ นั้นมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพผิวไม่มากก็น้อย และเมื่อเข้าใจสาเหตุของปัญหาผิวแห้งแล้ว จะมีวิธีไหนที่ช่วยดูแลให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นได้บ้าง เรามาหาคำตอบไปด้วยกันเลยค่ะ 3 สาเหตุยอดฮิต ทำผิวแห้งไม่รู้ตัว ผิวขาดการบำรุงความชุ่มชื้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้สกินแคร์ โลชั่นบำรุงผิว หรือแม้แต่การเลือกสบู่อาบน้ำ ล้วนก็มีผลต่อการดูแลสภาพ ผิว แต่สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลามาคอยบำรุงผิวเอง ยังไงก็ต้องเจอปัญหาผิวแห้งแน่นอน อยู่ในที่อากาศเย็น ห้องแอร์ ฝั่งคนวัยทำงานที่ต้องอยู่ในห้องแอร์เป็นประจำทุกวันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้ผิวต้องเผชิญกับ สภาพอากาศแห้งเป็นเวลานาน สาวออฟฟิศที่อ่านอยู่ลองเอาเล็บขีดบนผิวดู ถ้ามีเส้นสีขาวปรากฏขึ้น ที่ผิวและรู้สึกแสบตามมานิด ๆ ก็ชัดเจนเลยค่ะ ว่าผิวเราแห้งมาก ชอบอาบน้ำอุ่นเป็นประจำ ใครที่ติดต้องอาบน้ำอุ่นทุกวันเพราะรู้สึกผ่อนคลายสบายตัว ก็จะพบกับสิ่งที่ตามมาเมื่อน้ำมันบนผิวเรา ถูกชะล้างด้วยความร้อนจากน้ำที่อาบ นั่นคือการสูญเสียความชุ่มชื้น จนมีปัญหาผิวแห้งในที่สุด วิธีแก้ปัญหาผิวแห้ง ที่ทำแล้วได้ผลจริง หมั่นทาครีมบำรุง โลชั่น เป็นประจำ โดยเลือกส่วนประกอบที่เน้นเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ดื่มน้ำเยอะ ๆ อย่างน้อยวันละ 8-10

เคยสังเกตกันไหมคะว่าหลังฉีดโบท็อกลดกรามเสร็จเราจะได้รับหมากฝรั่งมาให้เคี้ยว แล้วมีใครสงสัยไหมว่าทำไมต้องทำด้วย? ทั้ง ๆ ที่บางคนอาจเคยเห็นหรืออ่านผ่าน ๆ มาว่าไม่ควรขยับอวัยวะในบริเวณจุดที่เพิ่งฉีดโบท็อกบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ตัวยาที่ฉีดกระจายไปทั่ว กล้ามเนื้อคืนตัวเร็วกว่าปกติ หรือไม่เห็นผล หน้าไม่เรียวลง เป็นต้น ซึ่งจริง ๆ แล้ว การเคี้ยวหมากฝรั่งในช่วง 5-10 นาทีแรกหลังฉีดโบท็อกลดกราม เป็นหนึ่งในวิธีบริหารกล้ามเนื้อบริเวณกรามทั้งสองข้าง ทึ่มีส่วนช่วยให้ตัวยาโบท็อกถูกดูดซึมได้ดี รวมถึงเริ่มออกฤทธิ์ได้ไวขึ้น แต่สำหรับการฉีดโบท็อกบริเวณอื่น อย่างโบท็อกลดริ้วรอย ที่แพทย์จะทำการฉีดให้ตามหน้าผาก หางตา และระหว่างคิ้ว ก็ให้ใช้วิธีบริหารกล้ามเนื้อโดยการขยับใบหน้าส่วนนั้นแทน ไม่ว่าจะเป็นการเลิกหน้าผาก ยิ้มตาหยี หรือขมวดคิ้ว Q&A ฉีดโบท็อกลดกราม Q: แล้วถ้าหลังฉีดโบท็อกลดกราม ไม่ได้เคี้ยวหมากฝรั่ง จะเป็นอะไรไหม? A: หากตอนนั้นเราไม่มีหมากฝรั่ง ในช่วง 5-10 นาทีแรกหลังจากเพิ่งฉีดโบเสร็จ ก็สามารถบริหารกล้ามเนื้อกรามด้วยตัวเอง โดยให้ขยับกรามไปมา หรือทำท่าเหมือนกำลังเคี้ยวข้าวแทนได้เช่นกัน แต่ถ้าลืมทำทั้งสองอย่างก็ไม่ได้มีผลอะไรมาก เพียงแค่โบท็อกจะใช้เวลาในกระจายตัวนานขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น Q: หลังฉีดโบท็อกลดกราม จะเริ่มเห็นผลจนเต็มที่ภายในกี่สัปดาห์ A:

การโดนแดดหรือโดนอะไรร้อน ๆ ทำให้โบท็อกสลายเร็วขึ้นจริงไหม? มากแค่ไหน? มีข้อห้ามหลายอย่างที่หลายคนพอจะเคยเห็นกันมาเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงความร้อนหลังฉีดโบท็อก แต่ในชีวิตจริงเราอาจไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่องมากนัก วันนี้หมอจะมาอธิบายว่าทำไมถึงเป็น อย่างนั้นค่ะพวกเรามักกังวลว่าหลังฉีดโบท็อกแล้ว จะต้องหลีกเลี่ยงความร้อนต่าง ๆ จากการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น การออกแดด การใช้ไดร์เป่าผม การอาบน้ำอุ่น แม้กระทั่งการประกอบอาการหรือทานอาหารหน้าเตา อย่างปิ้งย่าง หมูกระทะ หรือชาบู ที่ใบหน้าต้องโดนความร้อนจากควันและไอน้ำอยู่ตลอดเวลา กิจกรรมเหล่านี้อาจทำให้รู้สึกร้อนขึ้นก็จริง แต่ก็ยังมีอุณหภูมิไม่สูงพอที่จะส่งผลต่อการสลายของตัวยาโบท็อก เพราะจริง ๆ แล้วต้องเป็นความร้อนที่มีอุณหภูมิสูงถึง 60 องศาเซลเซียส ขึ้นไป ซึ่งมักพบได้ในกิจกรรมที่ต้องใช้ความร้อนสูงเป็นพิเศษ เช่น การอบไอน้ำ อบซาวน่า และการทำหัตถการประเภทเลเซอร์ โดยถ้าใครที่เพิ่งฉีดโบมาได้ไม่นานแล้วไปทำกิจกรรมดังกล่าวบ่อย ๆ หลาย ๆ ครั้ง ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่โบท็อกจะสลายตัวเร็วขึ้นกว่าปกติ และเห็นผลลัพธ์หลังฉีดโบได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นในการใช้ชีวิตประจำวัน ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อนในระดับทั่วไปมากขนาดนั้น ทั้งการออกแดด การทำอาหารที่ต้องเจอไอร้อน การอาบน้ำอุ่น หรือการใช้ไดร์เป่าผม เพราะแต่ละอย่างนั้นไม่ได้ร้อนมากจนส่งผลต่อการทำงานของโบท็อกที่ฉีดไปแต่อย่างใดค่ะ แล้วจะเริ่มทำเลเซอร์ อบซาวน่า อบไอน้ำ

“ลดน้ำหนักมาเป็นปี ทำไม่ยังไม่ผอมลงสักทีนะ หรือว่าต้องหาตัวช่วยอย่างอื่นด้วยแล้ว?” คำถามที่กลุ่มคนไอเดทเกินครึ่งน่าจะเคยพูดกับตัวเอง และมีอีกไม่น้อยที่เริ่มสนใจอยากใช้ปากกาลดน้ำหนักระหว่างที่ศึกษารายละเอียดอยู่ก็คงได้เจอข้อมูลมากมายทั้งที่ถูกต้องและคลาดเคลื่อน ในบทความนี้หมอเลยรวม 5 ข้อเข้าใจผิดเกี่ยวกับไอเทมช่วยคุมน้ำหนักสัดส่วนตัวนี้ มาให้พวกเราได้ทำความเข้าใจใหม่กันค่ะ ปากกาลดน้ำหนัก อันตราย ใช้งานยาก? ยังคงเป็นสิ่งที่คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกกังวลกันนะคะ เพราะปากกาลดน้ำหนักสามารถฉีดได้เองที่บ้าน ไม่ต้องให้แพทย์หรือพยาบาลเป็นผู้ฉีดให้ก็ได้ เราจึงกลัวว่าการจิ้มเข็มเข้าที่ผิวหนังตัวเองเป็นเรื่องที่ทั้งอันตรายและยุ่งยากในความจริงแล้วถึงแม้ว่าแพทย์จะไม่ได้เป็นผู้ฉีดให้ แต่ตลอดเวลาที่ใช้ปากกาลดน้ำหนักก็ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การประเมินน้ำหนักสัดส่วน สั่งจ่ายยา และวางแผนการใช้งาน หรือแม้แต่ในช่วงติดตามผลลัพธ์ก็ต้องจัดให้อยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ให้บริการด้วยค่ะ ทั้งนี้ การใช้ปากกาลดน้ำหนักจะไม่ยุ่งยากหรืออันตรายเลย ถ้าเราปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด คลินิกที่มีมาตรฐานและน่าเชื่อถือจะคอยอำนวยความสะดวก ให้คำปรึกษา แนะนำวิธีการใช้งาน รวมถึงพร้อมอธิบายทุกข้อสงสัยให้แก่เราแน่นอนค่ะ ปากกาลดน้ำหนัก ฉีดตรงไหน ลดตรงนั้น? ด้วยความที่เราสามารถเลือกฉีดตัวปากกาได้หลายจุดตามร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นขา หรือต้นแขน หลายคนเลยถามหมอเข้ามากันเยอะค่ะ ว่าถ้าฉีดจุดนี้ก็ลดแค่จุดนี้เลยหรือเปล่าทีนี้ต้องย้อนกลับไปที่การทำงานของตัวยา Liraglutide (ลิรากลูไทด์) ในปากกาลดน้ำหนัก ที่มีกลไกออกฤทธิ์คล้ายกันกับฮอร์โมน GLP-1 (Glucagon Like Peptide 1) หรือฮอร์โมนควบคุมความอิ่มในร่างกาย ที่จะส่งผลให้เราไม่รู้สึกหิวบ่อยและกินได้น้อยลง เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องร่างกายจึงปรับตัวโดยการดึงไขมันที่สะสมตามจุดต่าง

ถ้าพวกเรากำลังหาคำตอบกันอยู่ว่า หลังฉีดโบ ห้ามทำอะไร หลายคนน่าจะนึกถึงการทำกิจกรรมที่ใบหน้าต้องเข้าใกล้ความร้อนอย่างการกินปิ้งย่าง กินชาบู หรือทำอาหารหน้าเตาแก๊ส ว่าเอ๊ะ… ทั้งหมดนี้ยังทำได้อยู่หรือเปล่าหากเพิ่งฉีดโบท็อก มาเนื่องจากเป็นที่รู้กันว่า ความร้อน คือปัจจัยที่หลักที่เป็นเหตุทำให้ตัวยาโบท็อกที่เพิ่งถูกฉีดเข้าไปสลายตัวไวกว่าเดิม แต่หมอขอให้คำตอบแบบเร็ว ๆ เลยก็แล้วกันค่ะว่าพวกเรายังคงกินปิ้งย่างชาบู ทำกับข้าว ได้ตามปกติ เพราะความร้อนจากกิจกรรมเหล่านี้ไม่ได้มีอุณหภูมิสูงมากพอที่จะผ่านเข้าชั้นผิวหนังของเราไปถึงบริเวณที่ฉีดโบท็อกนั่นเองตัวยาโบท็อกจะสลายตัวก็ต่อเมื่อต้องเจอกับความร้อนที่อุณหภูมิสูงเกิน 60 องศาเซลเซียส ขึ้นไปเท่านั้น Q&A คำถามที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับโบท็อก Q: แล้วหลังฉีดโบห้ามทำอะไรอีก ที่ใบหน้าอาจต้องเจอกับความร้อนเกิน 60°C? A: จะยังมีกิจกรรมอย่างการอบซาวน่า อบไอน้ำ และทำหัตถการประเภทยิงเลเซอร์บนผิวหน้า ที่ทำให้ใบหน้าของเราสะสมความร้อนไว้ในชั้นผิว ซึ่งนั่นอาจส่งผลกระทบต่อการออกฤทธิ์ของตัวยาโบท็อกที่เพิ่งฉีดเข้าไป Q: ต้องรอนานไหม ถึงจะกลับไปเข้าซาวน่าหรือทำเลเซอร์ได้? A: สามารถกลับไปทำได้ตามปกติ หลังฉีดโบท็อกประมาณ 1 สัปดาห์ เนื่องจากตัวยาเริ่มกระจายตัวและออกฤทธิ์กับมัดกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดแล้ว Q: แล้วถ้าต้องยืนตากแดดนาน ๆ จนรู้สึกร้อนที่ใบหน้า จะมีผลทำให้โบท็อกสลายไวไหม? A: อันที่จริงความร้อนจากแดดโดยเฉพาะในประเทศไทย ปัจจุบันนั้นจะร้อนสุดในช่วงอุณหภูมิ 45°C

“ต้นแขนใหญ่” ปัญหาที่ทำให้หลายคนรู้สึกหมดความมั่นใจในการแต่งตัว ไม่ว่าจะหาวิธีแก้อย่างการออกกำลังกายหรือคุมอาหาร ก็ยังไม่สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินสะสมบริเวณต้นแขนออกไปได้สักที แบบนี้พวกเราคงต้องเริ่มมองหาตัวช่วยลดไขมันเฉพาะส่วนที่ปลอดภัย ไม่เจ็บตัว และไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น อย่างการฉีดเมโสแฟต ที่เมื่อฉีดเสร็จแล้วก็สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ซึ่งเรามักจะคุ้นเคยกับการฉีดแฟตแก้ม แฟตเหนียง แล้วถ้าฉีดแฟตต้นแขนจะสามารถสลายไขมันสะสมที่ต้นแขนได้จริงมั้ย มาหาคำตอบกันดีกว่าค่ะ How to เช็กต้นแขนแบบไหนที่มีไขมันสะสม ต้นแขนเป็นบริเวณที่ลดได้ยากและเมื่อมีไขมันสะสมจะเห็นได้ชัดเจน มาลองเช็กกันค่ะว่าต้นแขนแบบไหนที่มีไขมันสะสม สังเกตได้ง่าย ๆ โดยให้ยกแขนขึ้นมาตั้งฉาก 90 องศา ถ้าต้นแขนมีความหย่อนคล้อย จับแล้วรู้สึกนิ่ม ๆ หรือไม่ต้องยกแขนตั้งฉากก็มองเห็นถึงความหย่อนคล้อยและดูนุ่มนิ่มนั่นแปลว่ามีไขมันสะสมอยู่ค่ะ ฉีดแฟตต้นแขนลดจริงไหม? หลาย ๆ คนก็คงสงสัยว่าฉีดแฟตต้นแขนลดจริงไหม? อย่างที่ทุกคนเข้าใจว่า เมโสแฟต คือ หัตถการที่ช่วยสลายไขมันเฉพาะจุด เมื่อฉีดแฟตแก้มและเหนียงยังช่วยให้ใบหน้าดูเล็กได้รูปมากขึ้น ดังนั้นการฉีดแฟตต้นแขนสามารถสลายไขมัน ให้ต้นแขนดูเรียวกระชับขึ้นได้เช่นกัน ด้วยเมโสแฟตสูตรเข้มข้นของเมกะคลินิก ซึ่งประกอบด้วย L-carnitine ที่ออกฤทธิ์สลายเซลล์ไขมันสะสมให้แตกตัวและถูกกำจัดออกจากร่างกาย อีกทั้งยังมีส่วนผสมจาก Centella asiatica หรือสารสกัดใบบัวบก ที่ช่วยลดอาการแสบบวมหลังฉีดอีกด้วย ฉีดแฟตต้นแขนต้องใช้กี่ cc เนื่องจากต้นแขนมีบริเวณที่กว้างและมีไขมันสะสมอยู่มาก