โบท็อก (Botulinum Toxin Type A) คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่ออกฤทธิ์กับกล้ามเนื้อโดยตรง หลังฉีดเข้าไปที่ตำแหน่งที่ต้องการ กล้ามเนื้อบริเวณนั้นจะค่อย ๆ คลายตัวและหยุดทำงานชั่วคราว
เมื่อนำมาใช้ฉีดบริเวณกล้ามเนื้อกรามที่มีลักษณะปูดใหญ่จากการใช้งานเยอะ เช่น เคี้ยวอาหารแข็งเป็นประจำ กัดฟัน หรือนอนกัดฟัน ก็จะช่วยทำให้ก้อนกรามด้านข้างแก้มดูยุบลง รูปหน้าจึงดูเรียวเล็กลง
การฉีดโบท็อกกรามนั้นเหมาะกับคนที่มีปัญหาหน้าบานจากขนาดของกล้ามเนื้อกรามเป็นหลัก
โดยทั่วไปจะใช้ตัวยาปริมาณ 50 ยูนิต สำหรับการฉีดกรามทั้งสองข้าง ในเคสที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้นอย่างชัดเจน
โบท็อกจะค่อย ๆ ออกฤทธิ์เต็มที่ในช่วง 3–4 สัปดาห์ หลังฉีด ช่วง 7 วันแรกอาจเริ่มรู้สึกถึงอาการตึง ๆ หรือเมื่อย ๆ บ้าง แต่ยังไม่ใช่ผลลัพธ์ที่แท้จริง ควรรอดูผลลัพธ์ที่ชัดเจนในช่วงเดือนถัดไป
โบท็อกจะออกฤทธิ์ประมาณ 3–4 เดือน ก่อนสลายตัวไปเองตามธรรมชาติ กล้ามเนื้อก็จะเริ่มกลับมามีขนาดเท่า ๆ เดิม ตัวยาหมดฤทธิ์เร็วช้าไม่เท่ากันในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ขนาดกล้ามเนื้อ พฤติกรรมการใช้กล้ามเนื้อ (เช่น การกัดฟันตอนหลับ) การฉีดโบท็อกซ้ำ เป็นต้น
แม้หลายแห่งจะโฆษณาว่าอยู่ได้นานถึง 6 เดือน แต่โดยเฉลี่ยที่พบจริงในคนส่วนใหญ่จะอยู่ประมาณ 3–4 เดือน บางเคสที่ตอบสนองกับตัวยาได้ดี หรือดูแลตัวเองเหมาะสม เช่น ไม่ใช้กล้ามเนื้อหนักเกินไป ก็อาจเห็นผลได้นานกว่า 4 เดือนเช่นกันค่ะ
โบท็อกลดกราม เป็นการฉีดโบท็อกเข้าไปยังกล้ามเนื้อกรามโดยตรง เพื่อคลายการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้ขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณกรามเล็กลง เมื่อเวลาผ่านไป หน้าก็จะดูเรียวเล็กลง
หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แพทย์มักจะแนะนำให้ฉีดควบคู่กัน จะช่วยให้รูปหน้าได้สัดส่วนที่ดูเรียวและคมชัดแบบ V-shape อย่างที่หลายคนต้องการ
รีวิว โบท็อกลดกราม กับ ลิฟกรอบหน้า
หลังฉีดโบท็อกไม่ว่าจะบริเวณไหนก็ตาม ควรมีการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมเพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้เต็มที่ รวมถึงช่วยลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ แม้อาการข้างเคียงส่วนใหญ่จะไม่รุนแรงและหายได้เอง
หลังฉีดโบท็อกลดกราม อาจมีอาการข้างเคียงเล็กน้อยเกิดขึ้นในช่วงที่ตัวยาเพิ่งเริ่มออกฤทธิ์ เช่น อาการเมื่อยตึงบริเวณกราม หรือรู้สึกรูปหน้าตรงช่วงกรามดูไม่ค่อยสมดุล ซึ่งเป็นเรื่องปกติและสามารถหายเองได้
อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วง 3–7 วันแรก โดยเฉพาะในคนที่มีกล้ามเนื้อกรามค่อนข้างหนา เมื่อกล้ามเนื้อเริ่มคลายตัวจากฤทธิ์ของโบท็อก ร่างกายจะต้องปรับตัว ทำให้บางคนรู้สึกเมื่อยหรือเหมือนกรามขยับไม่คล่อง ซึ่งเป็นภาวะชั่วคราวและจะค่อย ๆ ดีขึ้นเองในไม่กี่วัน
สำหรับเคสที่เพิ่งฉีดโบท็อกลดกรามมา แล้วตัวยาโบท็อกยังออกฤทธิ์ไม่เต็มที่ ในระยะนี้ก้อนกล้ามเนื้อกรามแต่ละมัดอาจมีการตอบสนองต่อฤทธิ์ยาไม่เท่ากัน บางมัดที่ยังไม่คลายตัวจะมีลักษณะเหมือนปูดออกมาได้บ้าง เป็นอาการปกติ จะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อโบท็อกออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว ประมาณ 4 สัปดาห์
ถ้าไม่มีอาการอะไรเลย ถือว่าผิดปกติไหม? ไม่ผิดปกติค่ะ บางคนอาจไม่รู้สึกอะไรเลยหลังฉีด แต่ตัวยายังคงทำงานตามกลไกปกติ และจะเริ่มเห็นผลชัดในช่วง 3–4 สัปดาห์เช่นกัน แนะนำให้กลับมาติดตามผลกับแพทย์ตามนัดเพื่อประเมินผลลัพธ์ให้แน่ใจ
แม้จะเคยได้ยินว่าไม่ควรขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดบ่อย ๆ หลังทำ แต่ในกรณีของโบท็อกลดกราม การเคี้ยวหมากฝรั่งเบา ๆ ประมาณ 5–10 นาทีหลังฉีด เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้ตัวยาดูดซึมได้ดีขึ้น นั่นหมายถึงเริ่มออกฤทธิ์ได้เร็วขึ้นอีกด้วย
ฉีดโบท็อกก็กินหมูกระทะได้ แม้โบท็อกจะไวต่อความร้อน แต่เฉพาะความร้อนที่มากกว่า 60°C เท่านั้นที่มีโอกาสทำให้ตัวยาสลายเร็ว ดังนั้นกิจกรรมในชีวิตประจำวันอย่างการกินหมูกระทะ ชาบู อาบน้ำอุ่น หรือไดร์ผม สามารถทำได้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงแต่อย่างใด
แม้การฉีดโบท็อกกรามจะเป็นหัตถการที่ทำได้สะดวกและค่อนข้างปลอดภัย แต่ยังมีอีกหนึ่งข้อที่ไม่ควรมองข้ามก็คือคุณภาพของตัวยา เพราะถ้าเผลอมีการใช้โบท็อกปลอม สิ่งที่ตามมานั้นจะไม่ใช่แค่ไม่เห็นผล เห็นผลไม่ชัด หรือโบท็อกหมดฤทธิ์ไว แต่ยังเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้หรือผลข้างเคียงที่อันตรายได้ด้วย
ตัวอย่าง วิธีเช็คโบท็อกแท้ โดยดูจากกล่องยา
ก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกทุกครั้ง อย่าลืมเลือกคลินิกความงามที่ดูน่าเชื่อถือ ใช้โบท็อกแท้จากบริษัทนำเข้าโดยตรง และมีขั้นตอนให้ลูกค้าตรวจสอบตัวยาก่อนฉีด
โบท็อกลดกรามเหมาะกับผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ ไม่ใช่จากกระดูกหรือไขมัน ซึ่งนอกเหนือจากสาเหตุด้านพันธุกรรมแล้ว ก็มักพบในคนที่มีพฤติกรรมกัดฟันตอนนอน เคี้ยวของแข็งบ่อย ๆ หรือใช้กล้ามเนื้อกรามมากโดยไม่รู้ตัว จนทำให้กรามดูใหญ่และใบหน้าดูเหลี่ยม
โบท็อกลดกรามจะได้ผลเฉพาะกรณีที่ต้นตอของปัญหาหน้าบานมาจากกล้ามเนื้อกรามเท่านั้น หากต้นเหตุเกิดจากไขมันสะสมหรือโครงสร้างกระดูก การฉีดโบท็อกเพียงอย่างเดียวอาจไม่ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน
แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสาเหตุของรูปหน้าบานอย่างแม่นยำ และเลือกวิธีที่ตอบโจทย์ได้จริง
การปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นสามารถทำได้หลายวิธี โดยแต่ละเทคนิคเหมาะกับปัญหาที่แตกต่างกัน
หากต้องการปรับรูปหน้าโดยไม่ผ่าตัด แนะนำเริ่มจากโบท็อกลดกรามหรือยกกระชับตามปัญหาเฉพาะจุด ส่วนการผ่าตัดกรามเหมาะกับผู้ที่มีปัญหากระดูกใบหน้าชัดเจนและต้องการผลลัพธ์ถาวร
在 MEGA CLINIC ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง โดยเลือกใช้เฉพาะโบท็อกแท้ทุกยี่ห้อ สั่งซื้อโดยตรงจากบริษัทตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้อย่างโปร่งใส
เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่การประเมินรูปหน้า เลือกเทคนิคการฉีดที่เหมาะสม ไปจนถึงการติดตามผลหลังฉีด ตรวจสอบรายชื่อแพทย์และเลขใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้ทุกคน
โบท็อกกรามเจ็บน้อยมากค่ะ เพราะเป็นการฉีดเฉพาะจุดลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ อารมณ์คล้ายจิ๊ดเบา ๆ รู้สึกตึงนิด ๆ โดยรวมเจ็บน้อยกว่ากดสิวด้วยซ้ำ ระหว่างฉีดจะมีบริการประคบเย็นให้ แต่ถ้าใครกังวลสามารถขอทายาชาได้เลย ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
สามารถฉีดซ้ำได้ทุก 3–4 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่โบท็อกเดิมเริ่มหมดฤทธิ์ หลายคนที่ฉีดต่อเนื่องจะสังเกตได้เลยว่ากล้ามเนื้อกรามเล็กลงชัดเจน และรูปหน้าดูเรียวเข้ารูปคงที่มากขึ้น
การฉีดถี่เกินไป โดยเว้นระยะห่างแต่ละครั้งน้อยกว่า 3 เดือน อาจเสี่ยงดื้อยาได้ แนะนำให้เว้นช่วงฉีดแต่ละรอบประมาณ 3–4 เดือน เพื่อให้กล้ามเนื้อมีเวลาตอบสนองและฟื้นตัวอย่างเหมาะสม จะลดความเสี่ยงเรื่องดื้อโบท็อกในระยะยาว
สามารถทักสอบถามเจ้าหน้าที่แอดมินเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดหัตถการ และสำรองคิวล่วงหน้าได้ทาง LINE Official: @megaclinic (มี @) โดยคลิกที่ปุ่มแอดไลน์สีเขียวด้านล่างหน้าจอได้เช่นกัน