สำหรับหลายคน การฉีดโบท็อกอาจดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว แต่รู้ไหมว่า การเริ่มต้นฉีดโบท็อกในเวลาที่เหมาะสมสามารถช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้จริง หลายคนอาจคิดว่าโบท็อกช่วยแค่เรื่องความสวยงามเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วการฉีดโบท็อกริ้วรอยถือเป็นการดูแลตัวเองแบบหนึ่งที่สามารถทำได้ทุกคน แล้วเมื่อไรจึงควรเริ่มฉีดโบท็อก? และโบท็อกมีประโยชน์อย่างไรบ้าง? ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกถึง 5 สัญญาณที่บ่งบอกว่าเราควรเริ่มฉีดโบท็อกได้แล้ว ทำไมต้องเริ่มฉีดโบท็อก ทำไมต้องเริ่มฉีดโบท็อก? หากปล่อยให้ริ้วรอยอยู่ไปนานๆ จะกลายเป็นร่องลึกที่ยากจะกลับมาเรียบเนียนได้เหมือนเดิม การฉีดโบท็อกจึงเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยและเห็นผลไว ด้วยการทำงานของโบท็อกที่ช่วยลดการเคลื่อนตัวของกล้ามเนื้อ เมื่อกล้ามเนื้อไม่เกิดการขยับตัว ริ้วรอยจะค่อยๆ จางหายไปอย่างเป็นธรรมชาติ และหากเริ่มฉีดป้องกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะยิ่งช่วยป้องกันไม่ให้ริ้วรอยลึกขึ้นในอนาคตได้ 3 สัญญาณที่ควรเริ่มฉีดโบท็อกริ้วรอย 1.ริ้วรอยเริ่มชัดเจน การมีริ้วรอยบนใบหน้าที่ชัดเจนขึ้นเป็นหนึ่งในสัญญาณหลักที่บ่งบอกว่าเราควรเริ่มฉีดโบท็อก โดยเฉพาะเวลายิ้ม ขมวดคิ้ว หรือแสดงอารมณ์บนใบหน้า 2.กล้ามเนื้อใบหน้าตึงเครียด หมายถึงภาวะที่กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าเกิดการหดเกร็ง หรือตึงตัวผิดปกติ ส่งผลให้กล้ามเนื้อทำงานหนักเกินไป เช่น เผลอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวแม้จะอยู่ในเวลาที่ผ่อนคลาย เมื่อกล้ามเนื้อมีการตึงเครียดนานๆ ก็ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ 3.กังวลเรื่องอายุ เริ่มไม่มั่นใจ เมื่อมองกระจกแล้วรู้สึกว่าตัวเองดูไม่เหมือนเดิม มีริ้วรอยดูแก่ขึ้น จนรู้สึกไม่มั่นใจ หมอแนะนำให้ฉีดโบท็อกเพื่อย้อนเวลากลับไปเป็นสาวเหมือนเดิม โบท็อกริ้วรอยเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ อายุเท่าไหร่ถึงฉีดโบท็อกได้ คำตอบคือ ไม่มีอายุกำหนดตายตัวสำหรับการฉีดเริ่มฉีดโบท็อก เนื่องจากการตัดสินใจฉีดโบท็อกขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย เทรนด์การฉีดผิวขาวก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ ทำให้การฉีดผิวขาวเป็นหัตถการที่ไม่เคยหายไปจากวงการคลินิกความงามเลยและที่ผ่านมาเราต่างได้ยินเกี่ยวกับกระแสในทางลบของการฉีดผิวขาวมากมาย บทความนี้หมอจะพาทุกคนมาศึกษาถึงการฉีดวิตามินว่าอันตรายหรือไม่ ฉีดแล้วผิวขาวจริงไหม เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนไปฉีดกันค่ะ ฉีดผิวขาว การฉีดผิวขาวเป็นวิธีการเติมวิตามินผิวเข้าสู่ร่างกาย หรือ “ดริปวิตามินผิว” ที่หลายคนรู้จัก โดยการดริปวิตามินผิวจะดริปผ่านสายรูปแบบเดียวกับการให้น้ำเกลือ วิตามินผิวที่ฉีดเข้าไปจะประกอบด้วย สารสกัดเข้มข้นจากวิตามินต่างๆ ซึ่งเป็นอาหารสำคัญของผิวที่ช่วยบำรุงให้ผิวดูเปล่งปลั่ง สุขภาพดียิ่งขึ้น ฉีดผิวขาวจริงไหม? เผยความจริงเกี่ยวกับการฉีดวิตามินผิว การฉีดผิวด้วยวิตามินทำให้ผิวเปล่งปลั่งขึ้นได้ เนื่องจากการฉีดวิตามินผิวจะฉีดเข้าเส้นเลือดดำ สารอาหารต่างๆจึงซึมเข้าสู่ผิวโดยตรง ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลและความต่อเนื่องในการฉีด ซึ่งหมอจะแนะนำให้ฉีดอาทิตย์ละ 1 ครั้ง โดยแต่ละครั้งสามารถเลือกฉีดได้ 1-3 กระปุก ขึ้นอยู่กับปัญหาและความกังวลของผิว ศึกษาเพิ่มเติม วิตามินฉีดผิวขาวมีส่วนประกอบอะไรบ้าง ดริปวิตามินผิว ประโยชน์ที่มากกว่าความขาว ประโยชน์ของการดริปผิว ไม่ได้มีเพียงแค่ความขาวเท่านั้น แต่ด้วยสารอาหารผิวที่มีอยู่ในวิตามิน ทำให้การดริปผิวมีประโยชน์ ดังนี้ ฉีดวิตามินแก้อ่อนเพลียได้ วิตามิน B12 เป็นตัวช่วยเพิ่มพลังงาน ลดความรู้สึกเหนื่อยล้า และ วิตามิน C ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ทำให้ลดอาการอ่อนเพลียได้ ฉีดวิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน วิตามิน

วันนี้เมกะคลินิกจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ ข้อดี และข้อควรรู้ของการทำหัตถการแก้หน้าโทรม ปรับลุคใหม่ให้ใบหน้าดูสดใส อย่างการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา (Under-eye Filler) โดยในบทความหมอได้รวบรวมทุกเรื่องสำคัญไว้ให้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ฟิลเลอร์คืออะไร ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน มีริ้วรอยใต้ตาฉีดอะไรดี และปัญหาใต้ตาอะไรบ้างที่ควรใช้ฟิลเลอร์ในการแก้ไข เผื่อจะช่วยให้พวกเราที่กำลังหาทางกำจัดความกังวลนี้ มีข้อมูลสำหรับใช้ประกอบการตัดสินใจมากขึ้นค่ะ ประโยชน์ของฟิลเลอร์ ข้อดี-อยู่ได้นานแค่ไหน การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเติมเต็มผิวบริเวณใต้ตาที่ลึก ยุบ หรือเป็นร่อง โดยเนื้อฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดนั้นคือ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติในชั้นผิวของมนุษย์ นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ยังมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้ผิวดูอิ่มน้ำมากขึ้น ข้อดีหลัก ๆ ของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคือช่วยแก้ไขปัญหาใต้ตาลึก ใต้ตาคล้ำ หรือริ้วรอยเหี่ยวย่นใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้นทันที หลังฉีดสามารถใช้ชีวิตประจำวันทุกอย่างได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้นฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน? ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาซึ่งเป็นบริเวณที่ผิวมีลักษณะค่อนข้างบาง จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นกับร่างกาย สภาพแวดล้อม การใช้ชีวิต และการดูแลตัวเองของแต่ละคน มาดูกันว่า ใครบ้างที่ควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คนที่ใต้ตาลึก โบ๋ ดูเป็นเบ้าชัด ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาลึกหรือสังเกตเห็นเป็นเบ้าตาชัดเจน มักทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า

เบื่อไหมกับปัญหาขาเบียดนอกจากจะทำให้เสียความมั่นใจแล้วในบางคนยังเกิดอาการแสบ ระคายเคืองทุกครั้งที่เดิน ไม่ว่าปัญหานี้จะเกิดเพราะน้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือปัจจัยอื่นๆ ก็สามารถจัดการได้ด้วยเคล็ดลับลดขาเบียดแบบเร่งด่วน ใครอยากขาเล็กต้องอ่านในบทความนี้ ขาเบียดเป็นยังไง ขาเบียด คือ การที่ต้นขาทั้งสองข้างสัมผัส เสียดสีกันในขณะเดิน โดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิดกับคนที่มีต้นขาใหญ่ มีไขมันสะสมที่ขามากเกินไป จนไม่เหลือช่องว่างระหว่างขา ขาเบียดไม่ใช่แค่ทำลายความมั่นใจ แต่ยังสร้างความรำคาญ ในบางคนถึงขั้นขาเบียดแสบเลยก็ว่าได้ หากยังปล่อยให้ต้นขาเกิดการระคายเคืองจากการเสียดสีนานๆ อาจส่งผลให้เกิดผื่นแดง หรือแผลเล็กๆ ตามมาได้ ดังนั้นการลดขาเบียด ขาใหญ่อย่างเร่งด่วนจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ขาเบียดเกิดจากอะไร กรรมพันธุ์ บางคนแม้ว่าน้ำหนักจะอยู่ในเกณฑ์ปกติแต่ก็ยังเจอปัญหาขาเบียด หากสงสัยว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ให้ลองสังเกตพ่อแม่ ญาติพี่น้องว่าขาใหญ่ ขาเบียดเหมือนกันไหม ถ้าใช่ ให้สันนิษฐานเลยว่า เราขาใหญ่จากกรรมพันธุ์ดื่มน้ำน้อย หลายคนอาจคาดไม่ถึงว่าการดื่มน้ำน้อยจะทำให้ขาใหญ่ ขาเบียดได้ด้วย เพราะหากเราดื่มน้ำน้อย จะทำให้ระบบในร่างกายของเราขาดความสมดุลและส่งผลต่อระบบเผาผลาญ จนทำให้เกิดการสะสมของไขมันบริเวณต้นขาจนขาเบียดพฤติกรรมการกิน แน่นอนว่าการกินส่งผลต่อร่างกายโดยตรง โดยเฉพาะการกินอาหารที่ไขมันสูง ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ของมัน ของทอด ขนมกรุบกรอบ อาหารพวกนี้จะส่งผลให้ร่างกายมีการสะสมของไขมันมากขึ้น จนทำให้ขาเบียดในที่สุดนี่คือสาเหตุหลักๆ ที่หมอได้รวบรวมมา จะสังเกตได้ว่า ทั้งหมดนี้ล้วนมาจากไขมันที่สะสมบริเวณต้นขา ทำให้ขาใหญ่