สำหรับบทความนี้หมอจะขอเล่าเรื่อง การฉีดชาแนล เป็นหลักก่อน เพราะถือว่าเป็น Skin Booster ที่มาแรงไม่แพ้ใคร แล้วเจ้าตัวยาขวดจิ๋วสีชมพูนี้จะช่วยสร้าง Glass Skin ให้เราได้หรือไม่ แนะนำให้ติดตามอ่านกันตั้งแต่ต้นจนจบเลยนะคะ
ก่อนอื่นจะขอตอบคำถามก่อนว่า ชื่อตัวยาจริง ๆ ของการฉีดชาแนล ก็คือ L’ebss (อ่านว่า เลอเบส) ซึ่งเป็น Skin Booster ที่กำลังมาแรงเป็นอันดับ 1 ในประเทศเกาหลี เพราะตัวนี้มาพร้อมสารสกัดจากวิตามินและสารบำรุงผิวสำคัญที่มีประโยชน์เกือบ 20 ชนิด ช่วยเรื่องการฟื้นฟูซ่อมแซมเซลล์ผิว ทำให้ผิวหน้าสะอาดสุขภาพดี มีความชุ่มชื้นและดูเปล่งประกาย
เมื่อแพทย์ทำการฉีดชาแนลเข้าสู่ผิวหนัง สารอาหารผิวตัวสำคัญทั้งหมดจะเริ่มทำหน้าที่ของตัวเองในการเข้าฟื้นฟู ซ่อมแซม และบำรุงเซลล์ผิว
สารอาหารผิวตัวสำคัญไม่ว่าจะเป็น Hyaluronic Acid, Pink Yeast หรืออาหารผิวเปปไทด์ จะทำงานเต็มที่ในช่วง 7 ถึง 14 วัน หลังฉีด โดยถ้าใครเป็นคนที่ผิวหน้าค่อนข้างสุขภาพดีอยู่แล้ว ก็จะเริ่มรู้สึกถึงผลลัพธ์สภาพผิวที่ดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีดเลยค่ะ
โดยแพทย์จะแนะนำให้ฉีดซ้ำทุกสัปดาห์ติดต่อกัน 3-4 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากที่สุด หลังจากนั้นจึงให้เว้นระยะการฉีดซ้ำที่ 2-3 เดือน
การทำงานของสารอาหารผิวในชาแนลจะช่วยบำรุงให้ผิวเรากลับมาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด โดยผลลัพธ์และระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับโครงสร้างผิวภายในของแต่ละคน ถ้าใครที่มีสภาพผิวแข็งแรง ผลลัพธ์ก็จะคงอยู่ได้ค่อนข้างนาน แต่สำหรับคนที่สภาพผิวอ่อนแอ แพทย์จะประเมินให้ฉีดซ้ำเป็นประจำทุกสัปดาห์ในช่วงแรก จนกว่าจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของสภาพผิว
สำหรับตัวยาชาแนลจะถูกบรรจุอยู่ในขวดปริมาณ 3 ml/ขวด ในการฉีด 1 ครั้ง แพทย์จะกระจายฉีดตัวยาให้ทั่วทั้งหน้าจนหมดขวด โดยลักษณะการฉีดนั้นเหมือนกันกับการฉีดเมโสหน้าใส ที่มีการเน้นฉีดบริเวณที่สำคัญอย่าง แก้ม หน้าผาก คาง และบริเวณอื่น ๆ ซึ่งก่อนหน้านั้นก็จะมีการทำความสะอาดเครื่องสำอางบนใบหน้า ทายาชา และประคบเย็นระหว่างฉีดด้วย
สำหรับความเจ็บระหว่างฉีดชาแนล เนื่องจากเป็นการฉีดตัวยาเข้าชั้นผิว ทำให้จะยังรู้สึกบ้างในช่วงที่แพทย์เดินยาเข้าสู่ผิวหนัง จากประสบการณ์ที่หมอเคยฉีดมา ทุกคนจะพูดเหมือนกันว่าเป็นระดับความเจ็บที่ทนได้แน่นอน แต่ใครที่กังวลมากสามารถแจ้งขอทายาชาเพิ่มเติมได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
หลังแพทย์ฉีดตัวยาเข้าชั้นผิว ใบหน้าบริเวณที่ฉีดจะเกิดตุ่มนูนตัวยาซึ่งเป็นอาการปกติและสามารถหายไปได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง หลังจากนั้นเราก็ใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม ไม่มีอะไรที่ต้องระวังเป็นพิเศษเลยค่ะ แต่ถ้าใครที่กังวลรอยช้ำเข็ม หมอแนะนำให้งดดื่มแอลกอฮอล์หนัก ๆ ในช่วง 1 ถึง 3 วันแรก เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์มีผลทำให้รอยช้ำเข็มชัดขึ้นและหายช้า
ชาแนล และ รีจูรัน ล้วนเป็นหัตถการงานผิวติดอันดับท็อปที่สาวเกาหลีเลือกฉีด เพราะต่างก็เน้นเรื่องการบำรุงและปรับสภาพผิว เพิ่มความชุ่มชื้น สร้างผิวฉ่ำวาวราวกระจก แต่ถ้าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง หมอมองว่าก็สามารถทำได้ค่ะ โดยยึดจากความต้องการของเราว่าอยากแก้ปัญหาผิวอย่างไหนก่อน ถ้ารู้สึกผิวไม่เรียบเนียน ขาดความอิ่มฟู รูขุมขนกว้าง หมอจะแนะนำให้ฉีดเป็นตัวรีจูรันค่ะ แต่ถ้าอยากเพิ่มความกระจ่างใสฉ่ำวาว การฉีดชาแนลก็จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
อย่างไรก็ตาม การฉีดควบคู่กันทั้งชาแนลและรีจูรันอย่างต่อเนื่อง ตัวยาในทั้งคู่จะทำงานส่งเสริมกัน ทำให้สุขภาพผิวหน้าโดยรวมของเราดีขึ้น เนื่องจากเซลล์ผิวได้รับการบำรุงทั้งจากจากโพลินิวคลีโอไทด์ใน DNA ปลาแซลมอน, Hyaluronic Acid, สารสกัด Pink Yeast และอาหารผิวเปปไทด์รวม 14 ชนิด เมื่อผิวได้รับความชุ่มชื้นสูงสุด สัมผัสผิวก็จะดูฉ่ำวาวราวผิวกระจก ทีนี้เราก็จะมี Glass Skin ได้ไม่แพ้สาวเกาหลีเลยค่ะ
หากสนใจอยากฉีดชาแนลเพิ่มความกระจ่างใส เติมความชุ่มชื้นสร้างความฉ่ำวาวให้ผิวหน้า สามารถเข้ารับคำปรึกษากับเจ้าหน้าแอดมินของคลินิกก่อนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ที่เมกะคลินิกเรามีความเชี่ยวชาญดูแลเคสงานผิวมาไม่ต่ำกว่า 100,000+ เคส มีหัตถการบำรุงผิวให้เลือกฉีดครบครันทั้งผิวหน้าและผิวกาย ในการปรึกษาเบื้องต้นนี้ แอดมินจะช่วยแนะนำตัวเลือกและโปรโมชั่นราคาที่เหมาะกับแต่ละคนที่สุดให้ก่อนเข้ามาใช้บริการที่คลินิก
A: เมโสชาแนล หรือที่หลายคนเรียกว่า “ฉีดชาแนล” เป็นการใช้ตัวยา L’ebss (เลอเบส) ซึ่งเป็น Skin Booster จากเกาหลี ตัวยาจะถูกฉีดเข้าสู่ชั้นผิว เพื่อให้ผิวได้รับวิตามินและสารบำรุงผิวสำคัญกว่า 20 ชนิด
เมโสชาแนลช่วยฟื้นฟู ซ่อมแซมเซลล์ผิว ทำให้ผิวหน้าสะอาด ชุ่มชื้น และดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมช่วยให้ผิวเปล่งประกายสดใสยิ่งขึ้น
A: เมโสชาแนลเป็นหัตถการที่ถือว่ามีความปลอดภัยสูง สารสกัดที่อยู่ในเมโสชาแนลได้รับการยอมรับในวงการแพทย์มานาน จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยเลย
Q: เมโสชาแนลต้องฉีดกี่ครั้ง
A: ในช่วงแรกหมอแนะนำให้ฉีดอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ ติดต่อกันประมาณ 3-4 ครั้ง เพื่อให้ผิวได้ดูดซึมสารบำรุงที่จำเป็นอย่างเต็มที่ หลังจากครบ 3-4 ครั้งแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้ผิวดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้นสามารถเว้นระยะที่ 2-3 เดือนได้เลยค่ะ
Q: ฉีดชาแนลหนึ่งครั้ง อยู่ได้นานแค่ไหน
A: หลังจากฉีดชาแนล ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ในช่วงประมาณ 7-14 วัน สำหรับคนที่มีสุขภาพผิวดีอยู่แล้ว สามารถเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงผิวตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด *ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโครงสร้างผิวภายในแต่ละคนด้วย
Q: หลังฉีดชาแนลแต่งหน้าได้ไหม
A: แนะนำให้เลี่ยงการแต่งหน้า หรือสัมผัสหน้าแรงๆ ใน 24 ชั่วโมงแรก เนื่องจากหลังทำหัตถการ ผิวในบริเวณนั้นมีความไวและบอบบางมากกว่าปกติ การงดแต่งหน้าชั่วคราวจะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อหรือการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นในบริเวณที่ฉีดได้
Q: เมโสชาแนลต่างจากการฉีดวิตามินอย่างไร
A: การฉีดวิตามินเป็นการฉีดสารบำรุงเข้าสู่เส้นเลือด ช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารและวิตามินได้อย่างรวดเร็ว เป็นวิธีที่ส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของร่างกาย
ส่วนการฉีดเมโสชาแนล (Meso Chanel) เป็นการฉีดสารบำรุงเข้าสู่ชั้นผิว เน้นบำรุงและฟื้นฟูผิวหน้าโดยตรง
การฉีดชาแนลถือเป็นการบำรุงผิวด้วยสารอาหารตัวสำคัญที่เน้นช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิว เมื่อผิวเราสุขภาพดีขั้นสุด สิ่งที่ตามมาก็จะเป็นความสดใสเปล่งประกายของใบหน้า เสริมบุคลิกภาพให้เรารู้สึกมั่นใจในตัวเองยิ่งขึ้น
โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเมกะคลินิกพร้อมให้คำปรึกษาและประเมินเลือกหัตถการที่เหมาะสมที่สุดในการแก้ปัญหาสภาพผิวของแต่ละคนได้อย่างตรงจุด
ก่อนตัดสินใจจองคิวแพทย์ เราสามารถเข้ารับคำปรึกษาเกี่ยวกับสภาพผิวเบื้องต้นกับเจ้าหน้าแอดมินของเมกะคลินิกได้เช่นกัน ทาง LINE Official: @megaclinic (มี @) หรือกดแอดไลน์ที่ปุ่มสีเขียวด้านล่างนี้ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย